แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์เข้ายื่นซองประกวดราคาจ้างก่อสร้างอาคารตามข้อเสนอและเงื่อนไขที่จำเลยกำหนด โจทก์จึงต้องผูกพันที่จะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขและข้อกำหนดดังกล่าวตามระยะเวลาที่ตกลงกันไว้ และตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้มีข้อตกลงให้มีการยื่นซองประกวดเฉพาะราคาใหม่ได้ แสดงให้เห็นถึงความประสงค์ของคู่สัญญาว่าหากมีการยื่นซองประกวดเฉพาะราคาใหม่ตามข้อตกลงดังกล่าวแล้ว ราคาที่ผู้ยื่นซองประกวดราคายื่นเสนอไว้เดิมเป็นอันยกเลิกกันไปและต้องถือราคาตามที่ได้มีการเสนอราคาใหม่นั้น ส่วนระยะเวลาการยืนราคาที่เสนอใหม่ยังคงเป็นไปตามข้อตกลงเดิมคือต้องยืนราคาไว้ 90 วัน นับแต่วันที่ได้มีการยื่นซองประกวดราคาใหม่โจทก์ยื่นซองประกวดเฉพาะราคาใหม่ วันที่ 7 ธันวาคม2536 ระยะเวลา 90 วัน จึงต้องนับแต่วันดังกล่าวเป็นต้นไปเมื่อจำเลยมีหนังสือแจ้งให้โจทก์ไปทำสัญญาจ้างและโจทก์ได้รับหนังสือดังกล่าวในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2537 จึงไม่เกินกำหนดระยะเวลาที่โจทก์จะต้องผูกพันตามราคาที่ยืนไว้ตามข้อตกลง เมื่อโจทก์ไม่ไปทำสัญญาจ้างตามกำหนด โจทก์จึงเป็นฝ่ายผิดสัญญาและต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่จำเลยตามข้อตกลงในการยื่นซองประกวดราคาจ้างก่อสร้าง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยประกาศให้มีการยื่นซองประกวดราคาก่อสร้างอาคารที่ทำการไปรษณีย์โทรเลข มีเงื่อนไขให้ผู้ยื่นซองประกวดราคาต้องยืนราคาที่เสนอไว้จนครบ 90 วัน นับแต่วันยื่นซองประกวดราคา โจทก์ยื่นซองประกวดราคาและวางหลักประกันซองจำนวน 82,505 บาท ต่อมาโจทก์ได้รับหนังสือแจ้งให้ไปทำสัญญาก่อสร้างอาคารดังกล่าวจากจำเลย โจทก์เห็นว่าพ้นกำหนด90 วัน จึงไม่ไปทำสัญญาและขอรับหลักประกันซองคืน แต่จำเลยไม่คืนให้ ขอให้บังคับจำเลยคืนหลักประกันซองหรือชำระเงินจำนวน90,755 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี จากต้นเงิน82,505 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยยื่นคำร้องขอให้เรียกร้อยเอกจำเนียร สุนทรธีมากรเข้ามาเป็นโจทก์ร่วมในฐานะที่เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของโจทก์และจำเลยมีสิทธิไล่เบี้ยให้รับผิดต่อจำเลย ศาลชั้นต้นอนุญาต
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า โจทก์ยื่นใบเสนอราคาโดยระบุข้อความผูกพันโจทก์ไว้ในใบเสนอราคาว่า ราคาที่เสนอมานี้ยืนอยู่ในกำหนด 90 วัน หากจำเลยตกลงว่าจ้างโจทก์และโจทก์ไม่มาทำสัญญาเป็นหนังสือภายใน 15 วัน นับแต่วันที่จำเลยแจ้งให้ทราบจะต้องถูกริบหลักประกันซองทั้งหมด และหากจำเลยจ้างบุคคลอื่นแทนในวงเงินจำนวนสูงขึ้นเท่าใด โจทก์ต้องชดใช้ค่าเสียหายและจำนวนเงินในส่วนราคาที่สูงขึ้นให้จำเลยและจะถือว่าโจทก์ละทิ้งงานด้วย โจทก์เสนอราคาค่าจ้างเป็นเงิน3,115,799.78 บาท สูงกว่าผู้เสนอราคารายอื่นที่เสนอราคาต่ำกว่าแต่ยังสูงกว่าวงเงินงบประมาณที่ตั้งไว้ คณะกรรมการจึงเรียกโจทก์และผู้เสนอราคารายอื่นมาให้เสนอราคาใหม่พร้อมกันโดยวิธียื่นซองประกวดเฉพาะราคาเสนอต่อคณะกรรมการ วันที่ 7 ธันวาคม 2536โจทก์ยื่นซองประกวดเสนอราคาใหม่เป็นเงิน 1,979,500 บาท วันที่ 17มกราคม 2537 จำเลยแจ้งให้โจทก์ทราบว่าจำเลยตกลงว่าจ้างโจทก์ในราคาที่โจทก์เสนอใหม่ วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2537 จำเลยแจ้งให้โจทก์ไปทำสัญญาในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2537 โจทก์ไม่ไปทำสัญญาและแจ้งขอสละสิทธิในการทำสัญญา ทำให้จำเลยเสียหายจำเลยจึงมีสิทธิริบหลักประกันซองและโจทก์มีหน้าที่ต้องชำระค่าจ้างในส่วนที่สูงขึ้นที่จำเลยไปว่าจ้างผู้อื่นสูงกว่าราคาที่โจทก์ยื่นในใบเสนอราคาเป็นเงินจำนวน 670,500 บาท ขอให้ยกฟ้องกับขอให้โจทก์และโจทก์ร่วมชำระเงินจำนวน 720,098.61 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี จากต้นเงิน 670,500 บาทนับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่จำเลย
โจทก์และโจทก์ร่วมให้การแก้ฟ้องแย้งว่า โจทก์สิ้นภาระผูกพันตามเงื่อนไขในใบเสนอราคา จำเลยมีหน้าที่จะต้องคืนหลักประกันซองให้แก่โจทก์และโจทก์ร่วม ขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์และโจทก์ร่วมชำระเงินจำนวน670,500 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 18พฤศจิกายน 2537 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่จำเลย ยกฟ้องโจทก์
โจทก์และโจทก์ร่วมอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
โจทก์และโจทก์ร่วมฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นฟังได้ว่า จำเลยประกาศประกวดราคาจ้างก่อสร้างอาคารที่ทำการไปรษณีย์โทรเลขชะเมา โดยกำหนดเงื่อนไขว่า ผู้เข้าประกวดราคาต้องยืนราคาที่เสนอภายใน 90 วัน นับแต่วันยื่นซองเสนอราคาเป็นต้นไป และเมื่อจำเลยตกลงว่าจ้างผู้เข้าประกวดราคารายใดและได้แจ้งนัดหมายให้ไปทำสัญญาจ้างในวันใดแล้ว ผู้เข้าประกวดราคารายนั้นจะต้องไปทำสัญญาภายในกำหนดเวลา หากไม่สามารถไปทำสัญญาตามกำหนดเวลาได้ไม่ว่าด้วยเหตุใด ๆ จะต้องแจ้งให้จำเลยทราบทันที อย่างไรก็ดี ผู้เข้าประกวดราคาต้องไปทำสัญญาภายใน 15 วัน นับต่อจากวันที่ได้นัดหมายครั้งแรกถ้าผู้เข้าประกวดราคาไม่ไปทำสัญญาจ้างภายในกำหนดเวลาในวรรคแรกไม่ว่าด้วยเหตุใด ๆ ถือว่าผู้เข้าประกวดราคารายนั้นกระทำผิดสัญญา และจะต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายและจำนวนเงินในส่วนราคาค่าจ้างที่สูงกว่าจำนวนราคาที่ผู้เข้าประกวดราคาได้เสนอไว้ให้จำเลย เมื่อจำเลยจะต้องเสียไปในการว่าจ้างผู้อื่นมาทำงานนี้แทนผู้เสนอราคา และถือว่าผู้เสนอราคารายนั้นเป็นผู้ทิ้งงานด้วย ส่วนการพิจารณาผลการประกวดราคา ถ้าปรากฏว่าราคาเสนอของรายที่คณะกรรมการเปิดซองประกวดราคาเห็นสมควรจ้างสูงกว่าวงเงินงบประมาณที่ได้รับ คณะกรรมการจะเรียกผู้เข้าประกวดราคาที่เสนอราคาต่ำสุดมาต่อรองราคาให้ต่ำสุดเท่าที่จะทำได้ ถ้าผู้เข้าประกวดราคาที่เสนอราคาต่ำสุดยอมลดราคาลงอยู่ภายในวงเงินงบประมาณก็จะรายงานผู้ว่าการพิจารณาสั่งการต่อไป แต่ถ้าผู้เข้าประกวดราคาที่เสนอราคาต่ำสุดไม่ยอมลดราคาหรือลดราคาแล้วแต่ยังสูงกว่าวงเงินงบประมาณ คณะกรรมการจะเรียกผู้เสนอราคาที่ถูกต้องตรงตามเงื่อนไขและรายละเอียดข้อกำหนดทุกราย รวมทั้งรายที่เสนอราคาต่ำสุดที่ต่อรองราคาแล้วนั้นด้วย มาขอให้เสนอราคาใหม่พร้อมกันโดยวิธียื่นซองประกวดเฉพาะราคาเสนอต่อคณะกรรมการภายในกำหนดระยะเวลาที่สมควรหากรายใดไม่มายื่นซองให้ถือว่ารายนั้นยืนตามราคาที่เสนอไว้เดิมหรือราคาที่ได้เสนอไว้หลังจากที่ได้มีการต่อรองแล้ว โจทก์เข้าประกวดราคาโดยยื่นซองประกวดราคาวันที่ 1 พฤศจิกายน 2536เสนอราคา 3,115,799.78 บาท จำเลยพิจารณาแล้วให้ผู้เข้าประกวดราคายื่นซองประกวดเฉพาะราคาเสนอจำเลยใหม่โจทก์ยื่นซองประกวดราคาเสนอราคาใหม่เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม2536 เป็นเงิน 1,979,500 บาท จำเลยพิจารณาราคาที่มีการยื่นซองประกวดราคาเสนอใหม่แล้วตกลงว่าจ้างโจทก์และแจ้งให้โจทก์ทราบวันที่ 17 มกราคม 2537 โดยระบุว่า การทำสัญญาจ้างจะแจ้งให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง ต่อมาจำเลยมีหนังสือลงวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2537 แจ้งให้โจทก์ไปทำสัญญาจ้างตามที่จำเลยตกลงว่าจ้างโจทก์ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2537 โจทก์ไม่ไปทำสัญญาจ้างกับจำเลยตามกำหนดเวลานัดที่ได้รับแจ้ง และมีหนังสือลงวันที่ 17 เมษายน2537 ขอสละสิทธิการทำสัญญาจ้างโดยอ้างเหตุผลว่า วันที่กำหนดนัดทำสัญญาจ้างที่จำเลยแจ้งมานั้นล่วงเลยกำหนดเวลาที่ยืนไว้ตามข้อตกลงแล้ว จำเลยจึงมีหนังสือยกเลิกการจ้างโจทก์และไปทำสัญญาจ้างกับห้างหุ้นส่วนจำกัดกฤษณพงษ์ การก่อสร้างแทน
ปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์และโจทก์ร่วมมีว่า โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาหรือไม่ เห็นว่า โจทก์เข้ายื่นซองประกวดราคาจ้างก่อสร้างอาคารตามข้อเสนอและเงื่อนไขที่จำเลยกำหนด โจทก์จึงต้องผูกพันที่จะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขและข้อกำหนดดังกล่าวตามระยะเวลาที่ตกลงกันไว้ ซึ่งตามเงื่อนไขที่ระบุในการยื่นซองประกวดราคาจ้างก่อสร้างที่กำหนดให้ผู้ยื่นยืนราคาภายใน 90 วันนับแต่วันยื่นซองนั้น หมายความว่า ภายในกำหนดระยะเวลาดังกล่าวผู้ยื่นซองประกวดราคาจะเปลี่ยนแปลงราคาที่ยื่นเสนอไม่ได้ และตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้มีข้อตกลงให้มีการยื่นซองประกวดเฉพาะราคาใหม่ได้ จึงแสดงให้เห็นถึงความประสงค์ของคู่สัญญาว่าหากมีการยื่นซองประกวดเฉพาะราคาใหม่ตามข้อตกลงดังกล่าวแล้ว ราคาที่ผู้ยื่นซองประกวดราคายื่นเสนอไว้เดิมเป็นอันยกเลิกกันไปและต้องถือราคาตามที่ได้มีการเสนอราคาใหม่นั้น ส่วนระยะเวลาการยืนราคาที่เสนอใหม่ยังคงเป็นไปตามข้อตกลงเดิมคือ ต้องยืนราคาไว้ 90 วัน นับแต่วันที่ได้มีการยื่นซองประกวดราคาใหม่ โจทก์ยื่นซองประกวดเฉพาะราคาใหม่วันที่ 7 ธันวาคม 2536 ระยะเวลา 90 วัน จึงต้องนับแต่วันดังกล่าวเป็นต้นไป เมื่อจำเลยมีหนังสือแจ้งให้โจทก์ไปทำสัญญาจ้างและโจทก์ได้รับหนังสือดังกล่าวในวันที่ 9 กุมภาพันธ์2537 จึงไม่เกินกำหนดระยะเวลาที่โจทก์จะต้องผูกพันตามราคาที่ยืนไว้ตามข้อตกลง เมื่อโจทก์ไม่ไปทำสัญญาจ้างตามกำหนดโจทก์จึงเป็นฝ่ายผิดสัญญาและต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่จำเลยตามข้อตกลงในการยื่นซองประกวดราคาจ้างก่อสร้าง
พิพากษายืน