คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1941/2514

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

น. ไม่มีอำนาจตามกฎหมายจับกุมจำเลยใช้ปืนขู่บังคับจำเลยเพื่อจะพาไปหาผู้ใหญ่บ้าน ระหว่างทางมีคนแย่งเอาปืนจาก น.ไปได้แล้ว จำเลยจึงใช้มีดพร้าฟัน น. ถูกที่ศีรษะกลางหลังและบั้นเอวดังนี้ การกระทำของจำเลยไม่เป็นป้องกัน
ฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยชิงทรัพย์โดยใช้มีดขอฟันทำร้ายจนเกิดอันตรายแก่กาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยไม่มีเจตนาเอาทรัพย์ ศาลย่อมมีอำนาจลงโทษจำเลยตามความผิดฐานทำร้ายร่างกายได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้อง ระหว่างตั้งแต่วันที่ ๑๔ สิงหาคม ๒๕๑๑ เวลากลางคืนหลังเที่ยงถึงวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๑๑ เวลากลางคืนก่อนเที่ยง จำเลยมีมีดพร้าเป็นอาวุธ กับพวกอีก ๑ คน ร่วมกันลักเอาปืนแก๊ปประจุปาก ๑ กระบอกของนายเนียม สัจจา ไปโดยทุจริต โดยใช้มีดขอฟันทำร้ายนายเนียมถูกตามร่างกายเป็นอันตรายแก่กาย เพื่อให้เป็นความสะดวกแก่การลักทรัพย์และเพื่อยึดถือเอาทรัพย์นั้นไว้ เหตุเกิดที่ตำบลดองกำเม็ด อำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๙, ๘๓ และสั่งให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ ๒๐๐ บาทแก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๙ วรรค ๔ ให้ลงโทษจำคุกจำเลย ๔ ปี ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหาย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า นายเนียมมีความสงสัยจำเลยจะมาลักไซดักปลาจึงใช้ปืนจ้องจะยิงจำเลย พาตัวไปส่งผู้ใหญ่บ้าน นายเนียมไม่มีอำนาจจับกุมจำเลย การที่ใช้ปืนจี้พาตัวจำเลยไปในที่เปลี่ยวเป็นเวลาดึก ยากที่จะเข้าใจว่าที่นายเนียมจับกุมจำเลยไปนั้นจะหวังดีหรือหวังร้าย ถือว่าภยันตรายมีอยู่เฉพาะหน้า การที่จำเลยใช้มีดฟันนายเนียมก็เพื่อหลบหนีให้พ้นภยันตราย เป็นการป้องกันสิทธิของตนพอสมควรแก่เหตุ ปืนของนายเนียม พวกของจำเลยเป็นคนเอาไป เป็นเรื่องช่วยให้จำเลยพ้นจากการหน่วงเหนี่ยวจับกุมโดยมิชอบ มิใช่จำเลยและพวกมีเจตนามุ่งหวังจะมาลักปืนของนายเนียม จำเลยจึงไม่มีความผิด พิพากษากลับยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงฟังว่าคืนเกิดเหตุนายเนียมไปเฝ้าไซดักปลาได้ถูกคนร้ายใช้มีดฟันมีบาดแผลตามรายงานชันสูตรท้ายฟ้องและปืนแก๊ปยาว ๑ กระบอกของนายเนียมถูกลักไปตามคำพยานโจทก์ฟังได้ว่าจำเลยเป็นคนใช้มีดฟันทำร้ายนายเนียมได้รับบาดเจ็บ พวกของจำเลยเป็นคนแย่งปืนไปจากนายเนียม จำเลยไม่มีส่วนร่วมรู้เห็นด้วย การที่จำเลยได้ใช้มีดฟันนายเนียมจะเป็นการป้องกันสิทธิของจำเลยพอสมควรแก่เหตุหรือไม่ เห็นว่า แม้ว่าการที่นายเนียมมีเหตุเพียงสงสัยว่าจำเลยจะมาพยายามลักไซของตนที่ดักไว้ นายเนียมไม่มีอำนาจตามกฎหมายจับกุมจำเลยและบังคับใช้ปืนขู่เพื่อจะหาจำเลยไปหาผู้ใหญ่บ้านก็ตามแต่ข้อเท็จจริงเชื่อว่าเมื่อได้มีผู้แย่งเอาปืนจากนายเนียมไปได้แล้ว จำเลยจึงได้ใช้มีดฟันนายเนียม จึงเห็นได้ว่าในขณะนั้นภยันตรายซึ่งจะพึงเห็นว่านายเนียมจะกระทำต่อจำเลยนั้นไม่มีอยู่แล้ว การที่จำเลยใช้มีดฟันทำร้ายนายเนียมไปเช่นนั้นจึงไม่เป็นการป้องกัน ที่ศาลอุทธรณ์มีความเห็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันสิทธิของจำเลยพอสมควรแก่เหตุนั้นไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา จำเลยจึงมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายและศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้ แม้ในคำขอให้ลงโทษจำเลยท้ายฟ้องได้อ้างมาตรา ๓๓๙, ๘๓ ซึ่งเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ไว้เท่านั้น แต่ในคำฟ้องของโจทก์ก็ได้บรรยายรายละเอียดเกี่ยวแก่การกระทำเข้าลักษณะความผิดฐานทำร้ายร่างกายมาด้วย ศาลย่อมมีอำนาจลงโทษจำเลยตามความผิดฐานทำร้ายร่างกาย ซึ่งมีกำหนดโทษเบากว่าได้ ฎีกาโจทก์ที่ขอให้ลงโทษจำเลยฟังขึ้น
จึงพิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๕ ให้จำคุกจำเลยมีกำหนด ๘ เดือน แต่จำเลยต้องขังมาพอแก่โทษแล้ว ให้ปล่อยตัวไป

Share