คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 194/2490

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องเรียกค่าภาษีที่จำเลยคิดเกินไป โดยบรรยายข้อหาชัดแจ้งว่าจำเลยประเมินค่ารายปีผิดความจริงเป็นเหตุให้คิดค่าภาษีเกินไป 1300 บาทขอให้คืนส่วนที่เกิน โดยมิได้ระบุว่าโจทก์จะต้องเสียค่าภาษีจริง ๆ เท่าใด ดังนี้ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
โจทก์มีอำนาจฟ้องนายกเทศมนตรีในฐานะบุคคลธรรมดาให้รับผิดชอบในกิจการของเทศบาลเมืองซึ่งตนดำรงค์ตำแหน่งอยู่ได้
จำเลยคัดค้านข้อเท็จจริงที่ศาลล่างชี้ขาดมา แต่ศาลฎีกาเห็นว่า ศาลล่างมิได้ชี้ขาดดังฎีกาของจำเลย ดังนี้ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยข้อฎีกาข้อนั้น
เมื่อจำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์อยู่แล้ว การที่จำเลยคัดค้านไม่ยอมให้สามีโจทก์เป็นคู่ความร่วมด้วยนั้น ย่อมไม่มีผลแก่คดีโจทก์อย่างใด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เทศบาลเมืองอุบลราชธานีเก็บภาษีโรงเรือนและที่ดินจากโจทก์โดยฝ่าฝืน พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและโรงเรือนโดยคิดเกินไป ๑๓๐๐ บาท จึงขอให้ศาลบังคับจำเลยในฐานะนายกเทศมนตรีให้คืน
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยคืนเงินให้โจทก์ตามฟ้อง
จำเลยฎีกา,
ศาลฎีกาเห็นว่า ฟ้องของโจทก์บรรยายว่า โจทก์ได้ประ+รายปีตามที่ได้ให้ผู้อื่นเข้าไปเป็นเงิน ๔๘๐๐ บาท แต่เจ้าพนักงานประเมินค่าเป็นรายปี ๑๒๐๐๐ บาท และประเมินค่าภาษีที่เรียกเก็บ ๑๕๐๐ บาท จึงขอให้คืนค่าภาษีที่ดินเกินไป ๑๓๐๐ บาท แม้โจทก์จะไม่กล่าวว่าโจทก์จะต้องเสียภาษีจริงเท่าใดก็ตาม บุคคลธรรมดาย่อมเข้าใจเนื้อหาแห่งคำฟ้องได้ดีแล้ว ฟ้องโจทก์ไม่เป็นฟ้องที่เคลือบคลุม และโจทก์ฟ้องจำเลยในตำแหน่งนายกเทศมนตรีในฐานะบุคคลธรรมดาซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบในกิจการของเทศบาลเมือง หาได้มีกฎหมายห้ามไว้อย่างใดไม่ ส่วนข้อที่จำเลยฎีกาว่า ศาลล่างตัดสินว่าต้องถือว่าค่าเช่าเป็นการประเมินนั้น ความจริงศาลล่างก็มิได้ชี้ขาดเช่นนั้น เป็นเรื่องที่จำเลยบิดข้อเท็จจริงให้เป็นอย่างอื่น ศาลฎีกาจึงไม่รับฟัง และฎีกาในข้อสุดท้าย จำเลยคัดค้านไม่ยอมให้สามีโจทก์เป็นโจทก์ร่วมด้วยกัน ศาลฎีกาเห็นว่าฎีกาข้อนี้ไม่อาจเปลี่ยนแปลงความรับผิดของจำเลยได้อย่างไร คงพิพากษายืนตามศาลล่างทั้งสอง

Share