คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1938/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

บริษัทจำเลยมีหน้าที่ให้บริการแก่ผู้โดยสารรถของจำเลยจำต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้โดยสารเป็นประการสำคัญการที่โจทก์ซึ่งเป็นพนักงานขับรถของจำเลยขับรถโดยสารด้วยความเร็วและแซงรถหวาดเสียวในลักษณะแข่งกันนอกจากจะเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกแล้ว ยังเป็นการเสี่ยงต่อภยันตรายที่ร้ายแรงอันอาจเกิดแก่ผู้โดยสารได้โดยง่ายการกระทำของโจทก์ดังกล่าวย่อมทำให้เกิดความเสียหายในด้านบริการสาธารณะของจำเลยอย่างร้ายแรง โดยไม่จำต้องให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นก่อน เป็นการฝ่าฝืนระเบียบของจำเลยแล้ว จำเลยมีคำสั่งไล่โจทก์ออกจึงมิใช่เป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่เป็นธรรม ขอให้รับโจทก์กลับเข้าทำงานและใช้ค่าเสียหาย กับค่าชดเชย
จำเลยให้การว่า โจทก์ขับรถเร็ว เป็นที่หวาดเสียวว่าจะเกิดอันตรายและแซงรถคันอื่นด้วยความประมาท เป็นเหตุให้ผู้โดยสารไม่ยอมเดินทางไปกับรถที่จำเลยขับ เป็นการผิดวินัยร้ายแรงตามระเบียบของจำเลย จำเลยจึงไล่โจทก์ออกจากงาน
ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า จำเลยมีหน้าที่ให้บริการแก่ผู้โดยสารรถของจำเลย จำต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้โดยสารเป็นประการสำคัญการที่โจทก์ขับรถโดยสารด้วยความเร็วและแซงรถหวาดเสียวในลักษณะแข่งกันเช่นนั้นนอกจากจะเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกแล้ว ยังเป็นการเสี่ยงต่อภยันตรายที่ร้ายแรง อันอาจเกิดแก่ผู้โดยสารได้โดยง่าย การกระทำของโจทก์ดังกล่าวย่อมทำให้เกิดความเสียหายในด้านบริการสาธารณะของจำเลยอย่างร้ายแรงแล้วโดยไม่จำต้องรอให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นเสียก่อน กรณีของโจทก์ถือได้ว่าเป็นการฝ่าฝืนระเบียบพนักงานบริษัทขนส่ง จำกัด พุทธศักราช 2522 ข้อ 36, 38 วรรคสอง และ 44 ที่จำเลยมีคำสั่งไล่โจทก์ออกเพราะเหตุดังกล่าว จึงมิใช่เป็นการเลิกจ้างอันไม่เป็นธรรม
พิพากษายืน.

Share