คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1937/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ซึ่งเป็นบุตรบุญธรรมตามกฎหมายเก่า และมิได้จดทะเบียนเป็นบุตรบุญธรรมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 ที่ได้ตรวจชำระใหม่ มาตรา 1598/27 ไม่มีสิทธิรับมรดกของผู้รับบุตรบุญธรรมซึ่งถึงแก่กรรมหลังจากที่ใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 ที่ได้ตรวจชำระใหม่แล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า นายจากและนางทอง เสริมหมื่นไวย เป็นสามีภริยามาก่อนปี พ.ศ. ๒๔๗๘ โดยไม่มีบุตรด้วยกัน คนทั้งสองถึงแก่กรรมเมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๓ และ พ.ศ. ๒๕๒๐ ตามลำดับ มีทรัพย์มรดกคือที่ดิน ๒ แปลง นายจากและนางทองรับโจทก์เป็นบุตรบุญธรรมมาตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๗๗ จนกระทั่งคนทั้งสองถึงแก่กรรม จำเลยที่ ๑ ยื่นคำร้องเป็นผู้จัดการมรดกของนายจากโดยอ้างว่าจำเลยที่ ๑ เป็นบุตรของนางกลิ่นพี่สาวร่วมบิดามารดาเดียวกับนายจาก และศาลมีคำสั่งตั้งจำเลยที่ ๑ เป็นผู้จัดการมรดก ต่อมาจำเลยที่ ๑ จัดการโอนที่ดินสองแปลงเป็นของตนในฐานะทายาท และต่อมาได้โอนที่ดินดังกล่าวให้แก่จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ซึ่งเป็นสามีและบุตรของจำเลยที่ ๑ ขอให้พิพากษาว่า โจทก์เป็นผู้มีสิทธิรับมรดกเฉพาะส่วนของนายจาก เสริมหมื่นไวย ให้เพิกถอนการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสำหรับที่ดินดังกล่าวที่จำเลยที่ ๑ รับโอนในฐานะผู้จัดการมรดกและในฐานะทายาท และที่จำเลยที่ ๑ โอนให้แก่จำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ให้จำเลยทั้งสามส่งมอบโฉนดที่ดินดังกล่าวให้โจทก์
จำเลยทั้งสามให้การว่า โจทก์มิใช่ทายาทที่มีสิทธิรับมรดกของนายจากจำเลยที่ ๑ เป็นบุตรของนางกลิ่นซึ่งเป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันกับนายจาก โดยที่นายจากไม่มีทายาทอื่นใดอีก จำเลยที่ ๑ จึงเป็นผู้รับมรดกแทนที่ของนางกลิ่นมีสิทธิรับมรดกของนายจากผู้เดียว การโอนที่ดินให้จำเลยที่ ๒ และที่ ๓ จึงเป็นการกระทำตามสิทธิของกฎหมาย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยในชั้นฎีกาตามฎีกาของโจทก์คงมีว่า โจทก์ซึ่งเป็นบุตรบุญธรรมของนายจาก เสริมหมื่นไวย เจ้ามรดกมาตั้งแต่ ปี พ.ศ. ๒๔๗๖ ก่อนใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ ๕ โดยมิได้มีการจดทะเบียน จะมีสิทธิได้รับมรดกของนายจาก เสริมหมื่นไวย ผู้รับบุตรบุญธรรมซึ่งถึงแก่กรรม หลังจากที่ใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ ๕ ที่ได้ตรวจชำระใหม่แล้วหรือไม่
พิเคราะห์แล้วเห็นว่า โจทก์ซึ่งอ้างตนเป็นบุตรบุญธรรมของนายจาก เสริมหมื่นไวย เจ้ามรดกมาตั้งแต่ ปี พ.ศ. ๒๔๗๖ ไม่มีสิทธิรับมรดกของเจ้ามรดกผู้รับบุตรบุญธรรมตามกฎหมายเก่าก่อนใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ ๕ ทั้งนี้ตามพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมลักษณะมรดก ร.ศ. ๑๒๑ ต่อมาเมื่อประกาศใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ ๕ บรรพ ๖ และประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ ๕ ที่ใช้ตรวจชำระใหม่แล้วแม้จะมีบทบัญญัติ มาตรา ๑๕๘๖ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บรรพ ๕ และมาตรา ๑๕๙๘/๒๘ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ ๕ ที่ได้ตรวจชำระใหม่บัญญัติว่า “บุตรบุญธรรมย่อมมีฐานะอย่างเดียวกับบุตรชอบด้วยกฎหมายของผู้รับบุตรบุญธรรมนั้น…….ฯลฯ”และมาตรา ๑๖๒๗ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บัญญัติไว้ด้วยว่า “…..บุตรบุญธรรมนั้นให้ถือว่าเป็นผู้สืบสันดานเหมือนเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายนี้” ก็ตามบุตรบุญธรรมในบทบัญญัติดังกล่าวก็หมายความเฉพาะบุตรบุญธรรมที่จดทะเบียนเป็นบุตรบุญธรรมตามมาตรา ๑๕๘๕ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ ๕ และมาตรา ๑๕๙๘/๒๗ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ ๕ ที่ได้ตรวจชำระใหม่เท่านั้น มิได้หมายรวมถึงบุตรบุญธรรมตามกฎหมายเก่า ซึ่งใช้อยู่ก่อนประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ ๕ ด้วย ทั้งนี้เพราะมาตรา ๔ แห่งพระราชบัญญัติให้ใช้บทบัญญัติ บรรพ ๕ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่ได้ตรวจชำระใหม่บัญญัติว่า บทบัญญัติ บรรพ ๕ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่ได้ตรวจชำระใหม่ไม่กระทบกระเทือนถึงบทบัญญัติมาตรา ๔ และมาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติให้ใช้ บรรพ ๕ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พุทธศักราช ๒๔๗๗ และพระราชบัญญัติให้ใช้บทบัญญัติ บรรพ ๕ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พุทธศักราช ๒๔๗๗ มาตรา ๔ บัญญัติว่า “บทบัญญัติแห่งบรรพนี้ไม่กระทบกระเทือนถึง…(๒)…การรับบุตรบุญธรรม ซึ่งมีอยู่ก่อนวันใช้ประมวลกฎหมายบรรพนี้ หรือสิทธิและหนี้อันเกิดแก่การนั้นๆ” ซึ่งหมายความถึงสิทธิและหน้าที่ของบุตรบุญธรรมมีอยู่ตามกฎหมายเก่าอย่างไร เมื่อใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์แล้วก็คงมีอยู่อย่างนั้นด้วยเหตุนี้โจทก์ซึ่งเป็นบุตรบุญธรรมของเจ้ามรดกตามกฎหมายเก่ามิได้จดทะเบียนเป็นบุตรบุญธรรมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ ๕ ที่ได้ตรวจชำระใหม่ มาตรา ๑๕๙๘/๒๗ จึงไม่มีสิทธิรับมรดกของนายจาก เสริมหมื่นไวย ผู้รับบุตรบุญธรรมซึ่งถึงแก่กรรมหลังจากที่ใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ ๕ ที่ได้ตรวจชำระใหม่
พิพากษายืน

Share