คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1936/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

บรรยายฟ้องว่าจำเลยฉ้อโกงและว่าจำเลยเอาทรัพย์ที่ฉ้อโกงไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวเสียนั้น ไม่เป็นฟ้องในความผิดฐานยักยอก
คดีความผิดฐานฉ้อโกงศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์โดยอาศัยข้อเท็จจริง คดีต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ฉะนั้นศาลฎีกาย่อมจะไม่วินิจฉัยข้อกฎหมายที่ว่าฟ้องโจทก์สมบูรณ์ในฐานฉ้อโกงหรือไม่ เพราะย่อมไม่มีผลให้มีต้องยกฟ้องโจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ได้ฝากจดหมายกับจำเลยให้นำไปส่งให้นางชินภริยาโจทก์ที่บ้านอำเภอสวี ให้นางชินมารับเงินจากโจทก์ เพราะโจทก์ต้องขังอยู่ในเรือนจำอำเภอหลังสวนจำเลยได้บังอาจสลักหลังจดหมายว่านางชินให้จำเลยมารับเงินแทน โจทก์หลงเชื่อ จึงได้มอบเงินให้จำเลยไป ๔,๐๐๐ บาท แล้วจำเลยได้ยักยอกเงินจำนวนนี้เสีย ขอให้ลงโทษ
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นเห็นว่า ข้อหาฐานฉ้อโกงนั้น ฟ้องโจทก์ไม่สมบูรณ์ เพราะไม่ได้บรรยายว่าข้อความที่สลักหลังจดหมายนั้นเป็นเท็จและฟังข้อเท็จจริงว่าข้อความที่สลักหลังจดหมายไม่เป็นเท็จ ส่วนข้อหาฐานยักยอกนั้นฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยได้รับมอบเงินไปจริงแล้วได้ยักยอกเอาไว้เสีย แต่โจทก์ไม่ได้ระบุวันเดือนปีในฟ้อง จึงลงโทษจำเลยไม่ได้ พิพากษาให้ยกฟ้อง
โจทก์จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าการเอาทรัพย์ที่ฉ้อโกงมาได้เป็นประโยชน์ส่วนตัวนั้น ไม่ทำให้เป็นความผิดฐานยักยอกอีกได้ฟ้องโจทก์ฐานฉ้อโกงสมบูรณ์แล้ว แต่ฟังข้อเท็จจริงว่าโจทก์ไม่ได้หลงเชื่อและจำเลยไม่ได้รับฝากเงินจากโจทก์ไป จึงพิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าการที่เอาทรัพย์ที่ฉ้อโกงมาเป็นประโยชน์ส่วนตัวนั้น ไม่ทำให้เกิดความผิดฐานยักยอกอีกฐานหนึ่ง ฟ้องโจทก์จึงไม่เป็นฟ้องในความผิดฐานยักยอก คดีนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจกท์ในความผิดฐานฉ้อโกงโดยอาศัยข้อเท็จจริง ฉะนั้นแม้ศาลฎีกาจะชี้ขาดปัญหาข้อกฎหมายที่ว่าฟ้องโจทก์เป็นฟ้องที่สมบูรณ์ในฐานฉ้อโกงหรือไม่ ก็ย่อมไม่มีผลให้มิต้องยกฟ้องของโจทก์ ศาลฎีกาจึงพิพากษายืน

Share