แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยเป็นหัวหน้าโครงการอ่างเก็บน้ำดอกกรายโดยมีบ้านพักปลูกอยู่ในโครงการ ไม้ยูคาลิปตัสที่ตัดปลูกอยู่บริเวณรอบอ่างเก็บน้ำ แม้กรมป่าไม้จะเป็นผู้ปลูก โดยพฤตินัยจำเลยซึ่งเป็นหัวหน้าโครงการอ่างเก็บน้ำก็ต้องมีหน้าที่ดูแลรักษาต้นยูคาลิปตัสดังกล่าว เพราะเป็นต้นไม้ของทางราชการ มิใช่วัชพืชหรือต้นไม้ไม่มีค่าที่ขึ้นเองตามธรรมชาติ จำเลยจะอ้างว่ากรมป่าไม้ต้องมีหน้าที่ดูแลเพราะกรมป่าไม้เป็นผู้ปลูกไม่ได้ เพราะสถานที่ปลูกอยู่ในเขตโครงการอ่างเก็บน้ำที่จำเลยเป็นหัวหน้าและมีหน้าที่ควบคุมดูแลอยู่ หาใช่อยู่ในสถานที่ของกรมป่าไม้แต่อย่างใดไม่ และกรมป่าไม้ไม่ได้มีหน่วยงานดูแลอยู่ในที่เกิดเหตุ ดังนั้น เมื่อจำเลยจ้างหรือใช้ให้ บ. ไปตัดไม้ยูคาลิปตัสของกลาง การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 157
ย่อยาว
คดีนี้ เดิมศาลชั้นต้นพิจารณาและพิพากษารวมกับคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 191/2547 แต่คดีดังกล่าวยุติไปแล้วตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 2 คงขึ้นมาสู่ศาลฎีกาเฉพาะคดีนี้
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86, 147, 157 ริบเลื่อยโซ่ยนต์และรถยนต์หมายเลขทะเบียน 80 – 2416 ฉะเชิงเทรา ของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 จำคุก 1 ปี และปรับ 20,000 บาท รอการลงโทษจำคุก 2 ปี ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามมาตรา 29, 30 ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก และยกคำขอให้ริบของกลาง
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่คู่ความนำสืบรับกันและจำเลยไม่ฎีกาโต้แย้งฟังได้ว่า ขณะเกิดเหตุจำเลยรับราชการในตำแหน่งนายช่างชลประทาน 6 เป็นหัวหน้าโครงการอ่างเก็บน้ำดอกกราย ตำบลแม่น้ำคู้ อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง รู้จักกับนายบุญยิ่ง ผู้มีอาชีพรับจ้างตัดไม้ซึ่งมีบ้านอยู่อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง วันที่ 21 พฤษภาคม 2542 นายบุญยิ่งนำคนงานไปตัดต้นยูคาลิปตัสบริเวณอ่างเก็บน้ำดอกกรายโดยตัดเป็นท่อนแล้วขนออกจากบริเวณอ่างเก็บน้ำในวันที่ 23 เดือนเดียวกัน แต่รถบรรทุกที่ใช้ขนเกิดติดหล่มและมีการแจ้งให้เจ้าพนักงานตำรวจท้องที่ทราบ นายบุญยิ่งอ้างแก่เจ้าพนักงานตำรวจผู้จับกุมว่าจำเลยจ้างให้มาตัดและขนไม้ดังกล่าว จำเลยปฏิเสธว่าไม่รู้เรื่อง แล้วรายงานผู้บังคับบัญชาให้ดำเนินคดีแก่นายบุญยิ่ง มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยมีหน้าที่ดูแลไม้ยูคาลิปตัสที่นายบุญยิ่ง เข้าไปตัดหรือไม่ เห็นว่า ข้อเท็จจริงแห่งคดีฟังเป็นยุติแล้วว่าจำเลยเป็นหัวหน้าโครงการอ่างเก็บน้ำดอกกรายโดยมีบ้านพักปลูกอยู่ในโครงการ ไม้ยูคาลิปตัสที่ตัดปลูกอยู่บริเวณรอบอ่างเก็บน้ำ แม้กรมป่าไม้จะเป็นผู้ปลูก โดยพฤตินัยจำเลยซึ่งเป็นหัวหน้าโครงการอ่างเก็บน้ำก็ต้องมีหน้าที่ดูแลรักษาต้นยูคาลิปตัสดังกล่าวเพราะเป็นต้นไม้ของทางราชการ มิใช่วัชพืชหรือต้นไม้ไม่มีค่าที่ขึ้นเองตามธรรมชาติ จำเลยจะอ้างว่ากรมป่าไม้ต้องมีหน้าที่ดูแลเพราะกรมป่าไม้เป็นผู้ปลูกไม่ได้ เพราะสถานที่ปลูกอยู่ในเขตโครงการอ่างเก็บน้ำที่จำเลยเป็นหัวหน้าและมีหน้าที่ควบคุมดูแลอยู่ หาใช่อยู่ในสถานที่ของกรมป่าไม้แต่อย่างใดไม่ การเป็นผู้ปลูกกับการเป็นผู้ดูแลเป็นคนละเรื่องกัน แม้จะใช้งบประมาณของกรมป่าไม้ปลูกแต่ปลูกในพื้นที่ของกรมชลประทานที่จำเลยมีหน้าที่ดูแลจำเลยก็ต้องมีหน้าที่ดูแลต้นไม้ดังกล่าวจะอ้างว่ากรมป่าไม้ต้องเป็นผู้ดูแลไม่ได้ เพราะกรมป่าไม้ไม่ได้มีหน่วยงานดูแลอยู่ในที่เกิดเหตุ ดังนั้นที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ฟังว่าจำเลยมีหน้าที่ดูแลและการกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ดังที่โจทก์ฟ้องจึงชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน