แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์อุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้นโดยขอให้แก้เป็นไม่รอการลงโทษจำเลยที่1-5,7-8จึงถือได้ว่าโจทก์ได้อุทธรณ์ขอให้ไม่รอการลงโทษจำเลยที่2ถึงที่4ไว้ด้วยแล้วแต่คำพิพากษาศาลอุทธรณ์กล่าวเพียงว่าโจทก์อุทธรณ์ขอให้ไม่รอการลงโทษจำเลยที่1ที่5ที่7และที่8พร้อมทั้งวินิจฉัยเฉพาะการกระทำผิดของจำเลยที่1ที่5ที่7และที่8เท่านั้นหาได้กล่าวถึงหรือวินิจฉัยการกระทำผิดของจำเลยที่2ถึงที่4ไม่แม้ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาตอนหนึ่งว่านอกจากที่แก้คงเป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นอันมีผลบังคับไปถึงจำเลยที่2ที่3และที่4ด้วยก็ยังถือไม่ได้ว่าศาลอุทธรณ์วินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์ในส่วนของจำเลยที่2ที่3และที่4จึงเป็นคำวินิจฉัยไม่ครบทุกข้อตามที่โจทก์ขอมาในอุทธรณ์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสิบสี่กับพวกที่หลบหนีได้ร่วมกันเล่นการพนันสลากกินรวบ ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติการพนันพ.ศ. 2478 มาตรา 4, 5, 10, 12, 15 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 ริบของกลาง และจ่ายเงินสินบนนำจับตามกฎหมาย
จำเลยทั้งสิบสี่ให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติการพนันพ.ศ. 2478 มาตรา 4, 5, 6, 10, 12, 15 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 จำเลยทั้งสิบสี่ให้การรับสารภาพ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 และที่ 7ถึงที่ 8 ฐานเป็นเจ้ามือไว้คนละ 3 เดือน และปรับคนละ 3,000 บาทปรับจำเลยนอกนั้นคนละ 1,000 บาท โทษจำคุกจำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 และที่ 7 ถึงที่ 8 ให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 56 ริบของกลางหากไม่ชำระค่าปรับบังคับตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 และให้จำเลยจ่ายสินบนแก่ผู้นำจับกึ่งหนึ่งของค่าปรับด้วย
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่รอการลงโทษให้จำเลยที่ 1ที่ 5 ที่ 7 และที่ 8 และไม่ปรับ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ข้อแรกว่า ศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์ครบทุกข้อตามที่โจทก์ขอมาในอุทธรณ์หรือไม่ เห็นว่าศาลอุทธรณ์ของโจทก์ใช้ถ้อยคำว่าขออุทธรณ์คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ศาลชั้นต้นในส่วนของโทษที่ลงแก่จำเลยที่ 1 – 5, 7 – 8 ซึ่งเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้ โดยขอให้แก้เป็นไม่รอการลงโทษจำเลยที่ 1 – 5 , 7 – 8 ถ้อยคำดังกล่าวในส่วนที่มีเครื่องหมายขึงกลางระหว่างตัวเลขย่อมเป็นที่เข้าใจกันทั่วไปว่าแทนคำว่าถึง ดังจะเห็นได้ว่า เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับอุทธรณ์ก็มีคำสั่งว่ารับอุทธรณ์ หมายสำเนาอุทธรณ์แก่จำเลยที่ 1ถึงที่ 5 ที่ 7, ที่ 8 เพื่อแก้ และเมื่อศาลชั้นต้นออกหมายนัดให้จำเลยยื่นแก้อุทธรณ์ก็ออกหมายถึงจำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 ที่ 7และที่ 8 ครั้นเมื่อเจ้าหน้าที่ศาลรายงานผลการส่งสำเนาอุทธรณ์ให้แก่จำเลยต่อศาลชั้นต้นก็ได้รายงานผลว่า ส่งสำเนาอุทธรณ์ให้แก่จำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 ที่ 7 และที่ 8 นอกจากนี้เมื่อศาลชั้นต้นนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นก็มีคำสั่งให้แจ้งวันนัดแก่จำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 ด้วย และเมื่อถึงวันนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ จำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 ที่ 7 และที่ 8 ทราบนัดโดยชอบแล้วไม่มาศาล ศาลชั้นต้นก็ออกหมายจับจำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 ที่ 7และที่ 8 จึงถือได้ว่าโจทก์ได้อุทธรณ์ขอไม่ให้รอการลงโทษจำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 ไว้ด้วยแล้ว แต่คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ก็กล่าวเพียงว่า โจทก์อุทธรณ์ขอไม่ให้รอการลงโทษจำเลยที่ 1ที่ 5 ที่ 7 และที่ 8 พร้อมทั้งวินิจฉัยเฉพาะการกระทำผิดของจำเลยที่ 1 ที่ 5 ที่ 7 และที่ 8 เท่านั้น หาได้กล่าวถึงหรือวินิจฉัยการกระทำผิดของจำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 ไม่ แม้ศาลอุทธรณ์ภาค 1 จะพิพากษาตอนหนึ่งว่า นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นอันมีผลบังคับไปถึงจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ด้วย ก็ยังถือไม่ได้ว่าศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์ในส่วนจำเลยที่ 2 ที่ 3และที่ 4 จึงเป็นคำวินิจฉัยที่ไม่ครบทุกข้อตามที่โจทก์ขอมาในอุทธรณ์ศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยคดีสำหรับจำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 ไปทีเดียวโดยไม่ต้องย้อยสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิจารณาพิพากษาใหม่
ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ข้อสุดท้ายมีว่า มีเหตุรอการลงโทษให้จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 หรือไม่ เห็นว่า กรณีเป็นการเล่นพนันสลากกินรวบที่มีเจ้ามือรับกินรับใช้หลายคน มีของกลางที่เป็นเครื่องมือเครื่องใช้ในการเล่นการพนัน และทรัพย์สินที่ได้จากการเล่นการพนันเป็นจำนวนมากเป็นการร่วมกันก่อให้เกิดความมอบเมาในอบายมุขให้แก่ประชาชนทั่วไปอันเป็นภัยต่อเศรษฐกิจของชาติเป็นความผิดร้ายแรง สำหรับจำเลยที่ 2 และที่ 4 จึงไม่มีเหตุรอการลงโทษ เมื่อไม่รอการลงโทษให้แล้วก็ไม่ควรลงโทษปรับจำเลยที่ 2และที่ 4 อีก ส่วนจำเลยที่ 3 กำลังเป็นนักศึกษาวิทยาลัยครูอุดรธานีปีที่ 4 ได้คะแนนเฉลี่ยอยู่ในเกณฑ์ดี การที่จะลงโทษจำคุกในระยะสั้นแก่จำเลยที่ 3 ซึ่งกำลังเป็นนักศึกษาเช่นนี้ไม่น่าจะเกิดผลดีไปกว่าที่จะให้โอกาสกลับตัวสักครั้งสมควรรอการลงโทษจำเลยที่ 3ดังที่ศาลชั้นต้นพิพากษามา
พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่รอการลงโทษให้จำเลยที่ 2 และที่ 4 และไม่ปรับ ส่วนจำเลยที่ 3 ให้บังคับไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นเว้นแต่หากไม่ชำระค่าปรับให้บังคับตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 29, 30 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1