คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1929/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 2 ทำสัญญาค้ำประกันการทำงานของ ว. ในตำแหน่งพนักงานของโจทก์ สาขานครราชสีมา ต่อมาโจทก์แต่งตั้งให้ ว.เป็นผู้จัดการของโจทก์ สาขาสีคิ้ว โจทก์ยอมรับจำเลยที่ 1 ให้เข้ามาทำสัญญาค้ำประกันการทำงานของ ว. ในตำแหน่งผู้จัดการสาขาสีคิ้ว แสดงว่าโจทก์ไม่ประสงค์ให้จำเลยที่ 2 ผูกพันตามสัญญาค้ำประกันต่อไป ถือว่าสัญญาค้ำประกันถูกยกเลิกโดยปริยาย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า นายวินัย จุลศิริวัฒนกุลหรือจุลศิริกุลวัฒนาเป็นลูกจ้างโจทก์ในตำแหน่งผู้จัดการสาขาสีคิ้ว จำเลยที่ 1 และที่ 2 ทำสัญญาค้ำประกันนายวินัยเข้าทำงานเป็นลูกจ้างโจทก์โดยตกลงว่าหากนายวินัยกระทำไม่ว่าด้วยประการใด ๆ จนเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหาย จำเลยทั้งสองยอมรับผิดชดใช้แก่โจทก์จนครบถ้วน ต่อมาในระหว่างวันที่ 15 สิงหาคม 2529 ถึงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2529 นายวินัยได้ยักยอกเงินของโจทก์ไปเป็นเงิน 2,029,800 บาท โจทก์ทวงถามให้นายวินัยชำระเงินแก่โจทก์ แต่นายวินัยเพิกเฉย โจทก์ทวงถามจำเลยทั้งสองแต่เพิกเฉยขอให้บังคับให้จำเลยทั้งสองชำระเงิน 2,029,800 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีนับแต่วันที่ 21 พฤศจิกายน 2529เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยที่ 2 ค้ำประกันนายวินัยในตำแหน่งพนักงานขาย เมื่อโจทก์แต่งตั้งให้นายวินัยเป็นผู้จัดการสาขาสีคิ้ว โจทก์ไม่ได้แจ้งให้จำเลยที่ 2 ทราบนายวินัยไม่ได้ยักยอกเงินของโจทก์ไป หากนายวินัยยักยอกไปจำเลยทั้งสองก็ไม่ต้องรับผิดเพราะเป็นความประมาทเลินเล่อของโจทก์เอง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินโจทก์จำนวน 2,115,718.50 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ7.5 ต่อปีจากต้นเงิน 2,029,800 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2
โจทก์และจำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกันการทำงานของนายวินัยในตำแหน่งพนักงานขายของโจทก์ สาขานครราชสีมาต่อมาเมื่อโจทก์แต่งตั้งให้นายวินัยเป็นผู้จัดการของโจทก์ สาขาสีคิ้ว จำเลยที่ 1 ได้เข้ามาทำสัญญาค้ำประกันการทำงานของนายวินัยในตำแหน่งผู้จัดการ สาขาสีคิ้ว ซึ่งข้อเท็จจริงนี้จำเลยที่ 2 เบิกความว่า เมื่อนายวินัยได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการสาขาสีคิ้วแล้ว นายวินัยบอกจำเลยที่ 2 ว่าโจทก์ให้นายวินัยหาผู้ค้ำประกันใหม่เป็นข้าราชการระดับ 3นายวินัยจึงให้จำเลยที่ 1 มาเป็นผู้ค้ำประกันให้ นายประกอบผู้รับมอบอำนาจโจทก์ก็รับว่าตำแหน่งผู้จัดการสาขาสีคิ้วมีความรับผิดชอบในหน้าที่การงานสูงกว่าพนักงานขายสาขานครราชสีมากรณีน่าเชื่อว่าเมื่อโจทก์ได้แต่งตั้งให้นายวินัยเป็นผู้จัดการสาขาสีคิ้วซึ่งมีความรับผิดชอบในกิจการงานสูงขึ้นกว่าตำแหน่งเดิมจึงให้นายวินัยไปหาผู้ค้ำประกันที่มีหลักฐานมั่นคงอย่างน้อยเป็นข้าราชการระดับ 3 โจทก์จึงรับจำเลยที่ 1 เป็นผู้ค้ำประกัน เมื่อปรากฏว่าสัญญาค้ำประกันตามเอกสารหมาย จ.5 ที่จำเลยที่ 2 ทำค้ำประกันนายวินัยในขณะที่เป็นพนักงานของโจทก์สาขานครราชสีมากับสัญญาค้ำประกันเอกสารหมาย จ.4 ที่จำเลยที่ 1 ทำค้ำประกันนายวินัยในขณะเป็นผู้จัดการของโจทก์ สาขาสีคิ้ว ได้กระทำขึ้นต่างวาระกัน จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกันนายวินัยร่วมกันเพราะเป็นการค้ำประกันการทำงานนายวินัยในตำแหน่งต่างกัน และแม้ข้อความในสัญญาค้ำประกันตามเอกสารหมายจ.5 จะระบุความตอนหนึ่งว่า “ผู้ค้ำประกันจะไม่บอกเลิกสัญญานี้จนกว่าจะมีบุคคลหรือทรัพย์สินมาประกันให้เป็นที่พอใจของบริษัท”ก็ตาม แต่เมื่อโจทก์ยอมรับจำเลยที่ 1 เป็นผู้ค้ำประกันการกระทำของนายวินัยในขณะที่แต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการสาขาสีคิ้ว แสดงว่าโจทก์ไม่ประสงค์ให้จำเลยที่ 2 ผูกพันตามสัญญาค้ำประกันเอกสารหมายจ.5 ต่อไป จำเลยที่ 2 จึงไม่จำต้องบอกเลิกสัญญาค้ำประกันดังกล่าวถือว่าสัญญาค้ำประกันตามเอกสารหมาย จ.5 ถูกยกเลิกโดยปริยาย
พิพากษายืน

Share