คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1926/2511

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่ที่จำเลยตั้งพิพาทอยู่ในเขตโฉนดของโจทก์ การที่จำเลยอ้างว่าจำเลยเป็นเจ้าของที่ดินตรงนั้นเพราะได้ครอบครองมาช้านาน จึงย่อมใช้ยันกับโจทก์ผู้ซื้อที่ดินมาโดยสุจริตและได้จดทะเบียนสิทธิโดยชอบแล้วไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1299 วรรคสอง แม้โจทก์ยังมิได้เคยเข้าครอบครองที่พิพาทที่ซื้อมา สิทธิของโจทก์ที่ได้มาโดยทางทะเบียนก็มิได้เสียไป กรณีมิใช่เรื่องที่จะเอาหลักเรื่องผู้รับโอนไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอนมาใช้ได้ ข้อที่ว่าโจทก์ซื้อโดยสุจริตหรือไม่นั้น ก็ได้มีข้อสันนิษฐานของกฎหมายยอมรับรู้ไว้ก่อนแล้ว ทั้งจำเลยไม่ได้โต้แย้งไว้ในคำให้การว่า โจทก์ได้ซื้อโดยไม่สุจริตแต่อย่างไร จึงมากล่าวอ้างในชั้นฎีกาไม่ได้ และการสุจริตหรือไม่สุจริตในที่นี้ ก็ดูได้จากตัวโจทก์ มิใช่ดูจากฝ่ายผู้ขายที่ดินให้โจทก์ ฉะนั้น ถ้าผู้ขายที่ดินทางทะเบียนให้กับโจทก์จะรู้ว่าที่ดินขาดตกเป็นสิทธิของจำเลยเพราะการครอบครองปรปักษ์ไปแล้วหรือไม่ จึงไม่สำคัญ

ย่อยาว

คดีทั้ง 9 สำนวนนี้ ศาลรวมพิจารณา

โจทก์ฟ้องจำเลยแต่ละสำนวนว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่นาโฉนดที่ 1423 โดยซื้อมาจากนางประดับจิตร จำเลยแต่ละสำนวนบุกรุกเข้าไปทำนาในที่ดินโฉนดนี้ ขอให้ขับไล่จำเลยและบริวารและให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย ฯลฯ

จำเลยทุกคดีเว้นคดีนายอยู่เป็นจำเลยให้การว่า จำเลยทำนาในที่ดินของจำเลยตาม ส.ค.1 ถือสิทธิเป็นเจ้าของครอบครองโดยสงบและเปิดเผยมานานแล้ว หากที่ดินอยู่ในที่โฉนด 1423 ดังโจทก์กล่าวหาจำเลยก็ครอบครองปรปักษ์ถือสิทธิมาเกินกว่า 10 ปีแล้ว ฟ้องแย้งขอให้แสดงว่าที่ตอนนั้น ๆ เป็นของจำเลย

ส่วนนายอยู่จำเลยให้การว่า เป็นที่ดินของนายสดนางริด นายอยู่เช่าทำ นายสดได้ร้องเข้ามาในคดี ได้สู้คดีและฟ้องแย้งอย่างจำเลยอื่น

วันนัดสืบพยาน ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้ ให้งดสืบพยานพิพากษายกฟ้องแย้งจำเลย ให้ขับไล่จำเลยและบริวารทุกสำนวนและให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ ฯลฯ

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้มีการทำแผนที่พิพาทกลาง โดยปูลงกับโฉนดของโจทก์ได้ ปรากฏว่า ที่ที่จำเลยตั้งพิพาทอยู่ในเขตโฉนดของโจทก์ การที่จำเลยอ้างว่าจำเลยเป็นเจ้าของที่ดินตรงนั้น เพราะได้ครอบครองมาช้านาน จึงย่อมใช้ยันกับโจทก์ผู้ซื้อที่ดินมาโดยสุจริต และได้จดทะเบียนสิทธิโดยชอบแล้วไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 วรรคสอง แม้โจทก์ยังมิได้เคยเข้าครอบครองที่พิพาทที่ซื้อมา สิทธิของโจทก์ที่ได้มาโดยทางทะเบียนก็มิได้เสียไป กรณีมิใช่เรื่องที่จะเอาหลักเรื่องผู้รับโอนไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอนมาใช้ได้ ข้อที่ว่าโจทก์ซื้อโดยสุจริตหรือไม่นั้น ก็ได้มีข้อสันนิษฐานของกฎหมายยอมรับรู้ไว้ก่อนแล้ว ทั้งจำเลยไม่ได้โต้แย้งไว้ในคำให้การว่าโจทก์ได้ซื้อโดยไม่สุจริตแต่อย่างไร จึงมากล่าวอ้างในชั้นฎีกาไม่ได้ และการสุจริตหรือไม่สุจริตในที่นี้ก็ดูจากตัวโจทก์ มิใช่ดูจากฝ่ายผู้ขายที่ดินให้โจทก์ ฉะนั้นตัวผู้ขายที่ดินทางทะเบียนให้กับโจทก์จะรู้ว่าที่ดินขาดตกเป็นสิทธิของจำเลยเพราะการครอบครองปรปักษ์ไปแล้วหรือไม่ จึงไม่สำคัญ

พิพากษายืน

Share