คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1925/2537

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 สั่งให้จำเลยที่ 3 สั่งซื้อเบียร์จากโจทก์ หรือยินยอมให้จำเลยที่ 3 สั่งซื้อเบียร์จากโจทก์ในนามจำเลยที่ 1 แต่เป็นเรื่องจำเลยที่ 3 ใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยทุจริตสั่งซื้อเบียร์จากโจทก์เองโดยพลการ และการที่จำเลยที่ 3ใช้อำนาจหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่ายไว้โดยใช้ใบรับเงินของจำเลยที่ 1ก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 รู้เห็นยินยอมให้จำเลยที่ 3 กระทำจำเลยที่ 3 จึงมิใช่ตัวแทนเชิดของจำเลยที่ 1

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 ที่ 3 ตัวแทนได้สั่งซื้อและค้างชำระค่าเบียร์ รวมเป็นเงิน 2,592,000 บาท ขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินจำนวนดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสามให้การว่า จำเลยที่ 1 ไม่ได้สั่งซื้อหรือมอบหมายให้จำเลยที่ 2 ที่ 3 สั่งซื้อสินค้าจากโจทก์ หรือแสดงต่อโจทก์ว่าจำเลยที่ 2 ที่ 3 เป็นผู้มีอำนาจสั่งซื้อสินค้าแทนจำเลยที่ 1จำเลยที่ 3 ได้สั่งซื้อเบียร์จากโจทก์ในนามส่วนตัวและค้างชำระค่าเบียร์แก่โจทก์ เป็นเงิน 2,592,000 บาท ขอให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 และที่ 2
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 3 ชำระเงิน 2,592,000 บาทแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย ยกฟ้องโจทก์เกี่ยวกับจำเลยที่ 1 ที่ 2
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 1 ร่วมกับจำเลยที่ 3ชำระเงินจำนวน 2,592,000 บาท แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าขณะเกิดเหตุคดีนี้ จำเลยที่ 3 เป็นพนักงานจำเลยที่ 1 มีตำแหน่งเป็นหัวหน้าหมวดพัสดุ เป็นผู้สั่งซื้อเบียร์จากโจทก์และค้างชำระค่าเบียร์โจทก์จำนวน 2,592,000 บาท ปัญหาตามฎีกาจำเลยที่ 1 มีว่าจำเลยที่ 1 ต้องรับผิดชำระเงินค่าเบียร์จำนวนดังกล่าวร่วมกับจำเลยที่ 3 หรือไม่ ปัญหานี้ศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยที่ 1 เคยสั่งซื้อเบียร์จากโจทก์มาโดยตลอด มาหยุดสั่งซื้อตั้งแต่ปี 2527เนื่องจากจำเลยที่ 1 เลิกดำเนินกิจการด้านรถเสบียงและโรงแรมโดยให้เอกชนเข้าไปดำเนินการ และได้แสดงออกโดยเปิดเผยสื่อมวลชนได้นำการแสดงเจตนาการเลิกดำเนินการไปลงพิมพ์แพร่หลายในหนังสือพิมพ์หลายฉบับ ซึ่งโจทก์ทราบหรือคงทราบถึงการเลิกกิจการของจำเลยที่ 1แต่ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ได้แจ้งให้โจทก์ทราบโดยตรงว่าหยุดสั่งซื้อสินค้าจากโจทก์แล้ว นอกจากนี้ยังปรากฏจากคำเบิกความของจำเลยที่ 2ว่า ระเบียบการสั่งซื้อของดังกล่าวเป็นระเบียบภายในของจำเลยที่ 1และขณะเกิดเหตุคดีนี้จำเลยที่ 3 ยังทำงานอยู่กับจำเลยที่ 1 ดังนั้นจึงไม่พอฟังว่าโจทก์ทราบถึงการที่จำเลยที่ 1 หยุดดำเนินกิจการไม่สั่งซื้อเบียร์จากโจทก์แล้ว เพราะจำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นพนักงานของจำเลยที่ 1 เป็นผู้สั่งซื้อสินค้าจากโจทก์เช่นเคย โจทก์ก็คงนำสินค้าไปส่งที่กองพัสดุของจำเลยที่ 1 เช่นเคยปฏิบัติมา เมื่อจำเลยที่ 3 ตรวจรับของแล้วก็ได้ลงลายมือชื่อรับของในใบส่งของซึ่งระบุที่ส่งว่ากองพัสดุโรงแรมรถไฟกรุงเทพฯ เมื่อโจทก์รับชำระค่าสินค้าจำเลยที่ 3 ก็จะหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้ โดยใช้ใบรับเงินของจำเลยที่ 1เช่นเคยปฏิบัติตลอดมา จำเลยที่ 1 ก็ยอมรับอยู่แล้วว่า จำเลยที่ 3เคยเป็นตัวแทนสั่งสินค้าให้แก่ตน พฤติการณ์ที่จำเลยที่ 3ปฏิบัติต่อมาโดยสั่งซื้อสินค้าจากโจทก์และจำเลยที่ 1 ไม่แจ้งยกเลิกการซื้อสินค้าให้โจทก์ทราบ ย่อมถือได้ว่าจำเลยที่ 3เป็นตัวแทนของจำเลยที่ 1 หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งจำเลยที่ 1 เชิดจำเลยที่ 3 ออกแสดงเป็นตัวแทนหรือยอมให้จำเลยที่ 3 เชิดตัวเองออกแสดงเป็นตัวแทนของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 จึงต้องร่วมรับผิดชำระค่าสินค้าแก่โจทก์นั้น เห็นว่า การเป็นตัวแทนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์นั้น อาจเกิดโดยการแต่งตั้งโดยชัดแจ้ง หรือโดยปริยายก็ได้ และกรณีตัวแทนเชิดที่ถือได้ว่าเป็นการแต่งตั้งโดยปริยายนั้นตัวการผู้เชิดต้องแสดงออกว่าผู้ถูกเชิดเป็นตัวแทนของตน หรือรู้แล้วยอมให้ผู้เชิดแสดงออกว่าเขาเป็นตัวแทนของตน ตัวการจึงจะมีความรับผิดต่อบุคคลภายนอกในกิจการทั้งหลายที่ตัวแทนได้กระทำลงไป คดีนี้ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 สั่งให้จำเลยที่ 3 สั่งซื้อเบียร์จากโจทก์หรือยินยอมให้จำเลยที่ 3 สั่งซื้อเบียร์จากโจทก์ในนามจำเลยที่ 1แต่เป็นเรื่องจำเลยที่ 3 ใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยทุจริตสั่งซื้อเบียร์จากโจทก์เองโดยพลการ การที่จำเลยที่ 3 ใช้อำนาจหน้าที่หักภาษีณ ที่จ่ายไว้โดยใช้ใบรับเงินของจำเลยที่ 1 ก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1รู้เห็นยินยอมให้จำเลยที่ 3 กระทำ การกระทำของจำเลยที่ 3 ต่าง ๆจำเลยที่ 1 มิได้มีส่วนได้เสียหรือยินยอมด้วย จำเลยที่ 3 จึงมิใช่ตัวแทนเชิดของจำเลยที่ 1 ที่ศาลอุทธรณ์ฟังว่าพฤติการณ์การกระทำของจำเลยที่ 3 เป็นตัวแทนเชิดของจำเลยที่ 1 ให้จำเลยที่ 1ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 3 ไม่ต้องด้วยความเห็นศาลฎีกา และที่ศาลอุทธรณ์ฟังจำเลยที่ 3 เป็นตัวแทนจำเลยที่ 1 ให้จำเลยที่ 1ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 3 นั้น ก็ไม่ต้องด้วยความเห็นศาลฎีกาเช่นกันเพราะเมื่อศาลอุทธรณ์ฟังว่า จำเลยที่ 1 เป็นตัวการต้องรับผิดค่าเบียร์ตามคำฟ้องแล้ว จำเลยที่ 3 ผู้เป็นตัวแทนย่อมพ้นความรับผิดในค่าเบียร์ตามฟ้อง ฎีกาจำเลยที่ 1 ฟังขึ้น”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share