แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 2 มีภูมิลำเนาหรือสำนักทำการงานเป็นหลักแหล่งแน่นอนแต่ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยที่ 2 ไม่ได้ เพราะผู้จัดการของจำเลยที่ 2 ออกไปธุระนอกบ้าน ไม่มีผู้ใดยอมรับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไว้แทนจำเลยที่ 2 ดังนี้ มิใช่กรณีที่จะลงโฆษณาทางหนังสือพิมพ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 79 การที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ลงโฆษณาทางหนังสือพิมพ์จึงไม่ชอบ และจะถือว่าจำเลยที่ 2 ทราบประกาศการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องโดยผลของกฎหมายแล้วไม่ได้ จำเลยที่ 2 ย่อมมีสิทธิขอให้พิจารณาใหม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ทั้งสามเป็นเงิน 51,360 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย จำเลยทั้งสองขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินแก่โจทก์จำนวน 51,360 บาท พร้อมดอกเบี้ยจำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องว่า การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องคดีนี้โดยประกาศหนังสือพิมพ์ไม่ชอบ ขอให้พิจารณาใหม่ ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้วมีคำสั่งอนุญาตให้พิจารณาใหม่ โจทก์ทั้งสามอุทธรณ์คำสั่ง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาว่า เมื่อโจทก์นำส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยที่ 2 ณ ภูมิลำเนาของจำเลยที่ 2 ไม่ได้เพราะไม่มีบุคคลใดยินยอมรับหมายไว้แทน โดยผู้จัดการของจำเลยที่ 2ออกไปธุระข้างนอก ศาลจะสั่งให้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องโดยการลงโฆษณาทางหนังสือพิมพ์ตามที่โจทก์ขอได้หรือไม่ พิเคราะห์แล้วได้ความตามรายงานการเดินหมายฉบับลงวันที่ 17 มกราคม 2528 ว่าพนักงานเดินหมายได้นำหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไปส่งยังบ้านเลขที่15/1 ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงลาดยาว เขตบางเขน กรุงเทพมหานครครั้นถึงสถานที่ดังกล่าวไม่พบผู้จัดการของจำเลยที่ 2 คงพบแต่ชายไม่ทราบชื่ออายุประมาณ 60 ปี แจ้งว่าจำเลยที่ 2 (น่าจะเป็นผู้จัดการของจำเลยที่ 2) ออกไปธุระข้างนอก และไม่ยินยอมรับหมายไว้แทน จึงส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยที่ 2 ไม่ได้และได้ความตามที่พนักงานเดินหมายบันทึกไว้ในหมายเหตุท้ายรายงานฉบับดังกล่าวว่า ที่อยู่ของจำเลยที่ 2 เป็นโรงงานเป๊ปซี่ อาคารตึก 2 ชั้น อยู่ริมถนนใกล้เคียงกองบัญชาการตำรวจภูธร 1 กับปรากฏตามภาพถ่ายหมาย ล.1 และ ล.2 ซึ่งจำเลยที่ 2 อ้างในชั้นไต่สวนว่า สำนักทำการงานของจำเลยที่ 2 อยู่ริมถนนมีชื่อบริษัทจำเลยที่ 2ติดตั้งไว้ทางด้านหน้าอาคาร โดยใช้ตัวอักษรขนาดใหญ่สามารถมองเห็นได้ถนัดชัดเจน ถึงแม้จะมองจากระยะไกล จึงรับฟังได้ว่าจำเลยที่ 2มีภูมิลำเนา หรือสำนักทำการงานเป็นหลักแหล่งแน่นอนอยู่ ณ สถานที่ดังกล่าว มิใช่กรณีที่จะลงโฆษณาทางหนังสือพิมพ์ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 79 ได้ ฉะนั้น การที่ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตให้ลงโฆษณาทางหนังสือพิมพ์จึงไม่ชอบ และจะถือว่าจำเลยที่ 2 ทราบประกาศการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องโดยผลของกฎหมายแล้วไม่ได้ จำเลยที่ 2 มีสิทธิยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ทั้งสามฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน