แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้ในขณะยื่นฟ้อง กรรมการผู้จัดการบริษัทโจทก์มีอำนาจจัดการแทนโจทก์ได้ แต่ต่อมาผู้ที่มีอำนาจกระทำการเป็นผู้แทนของโจทก์เปลี่ยนแปลงไปเป็นของบุคคลอื่นแล้ว สิทธิที่จะจัดการแทนโจทก์ของกรรมการผู้จัดการคนเดิมย่อมสิ้นสุดลง
การพิจารณาถึงตัวผู้ที่มีอำนาจจัดการแทนบริษัทโจทก์ในปัจจุบันย่อมต้องถือเอาข้อความในทะเบียนนิติบุคคลของหอทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทเป็นหลักฐาน แม้กรรมการผู้จัดการคนเดิมจะคัดค้านว่า การแก้ไขข้อบังคับของบริษัทได้กระทำไปโดยมติที่ไม่ชอบด้วยหนังสือบริคณห์สนธิของบริษัทก็เป็นเรื่องที่ต้องไปว่ากล่าวกันเป็นอีกส่วนหนึ่งต่างหาก
ย่อยาว
บริษัทโจทก์โดยร้อยตำรวจโทสำเนียง ศิริเลิศ กรรมการผู้จัดการฟ้องจำเลยในความผิดฐานยักยอก ในวันนัดไต่สวนมูลฟ้อง บริษัทโจทก์โดยนายนิยม วีระบุตร ประธานกรรมการ และนายสถิตย์ชัย ตั้งคงนุชกรรมการผู้จัดการ ได้ยื่นคำร้องขออนุญาตดำเนินคดีแทนโจทก์ อ้างว่าที่ประชุมวิสามัญของคณะกรรมการบริษัทโจทก์ได้ลงมติตั้งให้บุคคลทั้งสองดำรงตำแหน่งดังกล่าว และให้บุคคลทั้งสองร่วมกันกระทำการแทนบริษัทโจทก์ได้ มติดังกล่าวได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายแล้ว ร้อยตำรวจโทสำเนียง ศิริเลิศ ไม่มีอำนาจกระทำการใด ๆแทนบริษัทโจทก์ต่อไป
ร้อยตำรวจโทสำเนียง ศิริเลิศ ยื่นคำแถลงคัดค้านว่ายังเป็นผู้มีอำนาจอยู่ตามกฎหมายโดยสมบูรณ์ เพราะได้ดำเนินคดีมาก่อนการจดทะเบียนแก้ไขข้อบังคับของบริษัทนั้นก็ได้คัดค้านไว้ต่อนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท และได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลแล้ว คดียังอยู่ระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์
ต่อมาผู้ร้องยื่นคำร้องขอถอนฟ้อง
ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องที่ผู้ร้องขอเข้าดำเนินคดีแทนโจทก์แล้วอนุญาตให้ผู้ร้องดำเนินคดีในนามของบริษัทขนส่งสุพรรณพัฒนา จำกัดและอนุญาตให้ถอนฟ้อง
บริษัทขนส่งสุพรรณพัฒนา จำกัด โดยร้อยตำรวจโทสำเนียง ศิริเลิศอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นเห็นว่าเป็นอุทธรณ์คำสั่งระหว่างพิจารณา สั่งไม่รับอุทธรณ์ร้อยตำรวจโทสำเนียง ศิริเลิศ อุทธรณ์คำสั่งว่ามีอำนาจฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกอุทธรณ์
บริษัทขนส่งสุพรรณพัฒนา จำกัด โดยร้อยตำรวจโทสำเนียง ศิริเลิศ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อฎีกาที่ว่าศาลชั้นต้นได้รับรองแล้วว่า โจทก์มีอำนาจดำเนินคดีแทนบริษัทได้ตามกฎหมาย กระบวนพิจารณาใด ๆ ที่โจทก์ได้ดำเนินคดีมาแต่ต้นย่อมไม่มีอำนาจหรือตัวบทกฎหมายใด ๆ ที่จะลบล้างเพิกถอนกระบวนพิจารณาที่โจทก์ได้ดำเนินมาแล้วโดยชอบด้วยกฎหมายนั้น เห็นว่าตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๕บัญญัติว่า บุคคลเหล่านี้จัดการแทนผู้เสียหายได้ (๓) ผู้จัดการหรือผู้แทนอื่น ๆของนิติบุคคลเฉพาะความผิดซึ่งกระทำลงแก่นิติบุคคลนั้น คดีนี้ผู้ที่เป็นโจทก์อันแท้จริงคือ บริษัทขนส่งสุพรรณพัฒนา จำกัด ถึงแม้ในขณะที่ยื่นฟ้องร้อยตำรวจโทสำเนียงจะมีอำนาจจัดการแทนโจทก์ได้ แต่ต่อมาผู้ที่มีอำนาจกระทำการเป็นผู้แทนของโจทก์ได้เปลี่ยนแปลงจากร้อยตำรวจโทสำเนียงมาเป็นนายนิยมกับนายสถิตย์ชัยร่วมกัน นับแต่นั้นมาร้อยตำรวจโทสำเนียงก็ไม่มีฐานะเป็นผู้แทนของโจทก์อันจะมีอำนาจจัดการแทนโจทก์ได้อีก ผู้ที่มีอำนาจดำเนินกระบวนพิจารณาต่อมาในนามของบริษัทโจทก์ได้แก่นายนิยมกับนายสถิตย์ชัยร่วมกัน เมื่อเป็นดังนี้การที่โจทก์โดยนายนิยม วีระบุตรประธานกรรมการ และนายสถิตย์ชัย ตั้งคงนุช กรรมการผู้จัดการในปัจจุบันขอถอนฟ้องซึ่งโจทก์โดยร้อยตำรวจโทสำเนียง ศิริเลิศ กรรมการผู้จัดการในอดีตได้ยื่นไว้ จึงเป็นการกระทำโดยชอบ ส่วนข้อฎีกาที่ว่า การแก้ไขข้อบังคับของบริษัทได้กระทำไปโดยมติที่ไม่ชอบด้วยหนังสือบริคณห์สนธิของบริษัทนั้นเป็นเรื่องที่ต้องไปว่ากล่าวกันเป็นอีกส่วนหนึ่งต่างหาก ส่วนการพิจารณาถึงตัวผู้ที่มีอำนาจจัดการแทนบริษัทโจทก์ในปัจจุบัน ย่อมต้องถือเอาข้อความในทะเบียนนิติบุคคลของหอทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทเป็นหลักฐาน
พิพากษายืน