คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1923/2543

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

บัตรประจำตัวประชาชนเป็นเอกสารสำคัญทางราชการเพื่อแสดงถึงการรับรองสิทธิและฐานะความเป็นคนไทย จำเลยกับพวกร่วมกันปลอมคำขอมีบัตรมีบัตรใหม่ หรือเปลี่ยนบัตรประจำตัวประชาชน (บ.ป.1) ของ ส. เพื่อที่ ย. กับพวกนำไปยื่นต่อทางราชการเพื่อให้ทำบัตรประชาชนให้ ย. ในนามของ ส. อาจนำมาซึ่งความเสียหายหรือก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่นหรือก่อให้เกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของรัฐ เป็นพฤติการณ์ที่ร้ายแรงไม่สมควรรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83และ 264

จำเลยให้การรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 264 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 83 จำคุก 1 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 6 เดือน

จำเลยอุทธรณ์ขอให้รอการลงโทษ

ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน

จำเลยฎีกาโดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติในชั้นฎีกาว่า จำเลยกับพวกร่วมกันปลอมเอกสารคำขอมีบัตร มีบัตรใหม่หรือเปลี่ยนบัตรประจำตัวประชาชน(บ.ป.1) ของนายสุนันท์ ชำนาญพล ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยมีว่าพฤติการณ์ของจำเลยที่กระทำความผิด มีเหตุสมควรที่จะรอการลงโทษจำคุกให้หรือไม่ เห็นว่าบัตรประจำตัวประชาชนเป็นเอกสารสำคัญทางราชการเพื่อแสดงถึงการรับรองสิทธิและฐานะความเป็นคนไทย ดังนั้น การปลอมเอกสารเพื่อให้ทางราชการออกบัตรประชาชนปลอมให้นั้นอาจนำมาซึ่งความเสียหายหรือก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่นหรือก่อให้เกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของรัฐได้ จึงเห็นว่าพฤติการณ์ดังกล่าวของจำเลยกับพวกที่ร่วมกันปลอมเอกสารเพื่อยื่นคำขอมีบัตรประชาชนนั้นเป็นพฤติการณ์ที่ร้ายแรง ไม่สมควรรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลย ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษามานั้นชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share