คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1921/2518

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

บริษัทโจทก์ทำสัญญาขายสุนัขพันธุ์เยอรมันเชพเพอดรวม 20 ตัวให้กรมตำรวจ และได้ตกลงว่าจ้างบริษัทจำเลยขนส่งสุนัขดังกล่าวโดยเครื่องบินจากประเทศเยอรมันตะวันตกมายังท่าอากาศยานดอนเมืองเพื่อส่งให้แก่กรมตำรวจ เมื่อจำเลยขนส่งสุนัขมาถึงท่าอากาศยานดอนเมืองอันเป็นตำบลที่กำหนดให้ส่งปรากฏว่าสุนัขตายไป 12 ตัว อีก 8 ตัวมีอาการอ่อนเพลียเนื่องจากความผิดของบริษัทจำเลยที่มิได้จัดให้มีอากาศหายใจ เพียงพอสำหรับสุนัขเหล่านั้น กรรมการบริษัทโจทก์ที่ไปรับมอบจึงได้รับสุนัขที่ยังมีชีวิตจากเจ้าหน้าที่ของจำเลยมาเพียง 8 ตัว ดังนี้ เมื่อปรากฏว่ากรมตำรวจผู้รับตราส่งยังมิได้เรียกให้ส่งมอบสุนัขตามความในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 627 สิทธิทั้งหลายของบริษัทโจทก์ผู้ส่งสุนัขอันเกิดแต่สัญญารับขนนั้นจึงยังมิได้ตกไปได้แก่กรมตำรวจผู้รับตราส่ง โจทก์ในฐานะผู้ส่งจึงมีอำนาจฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้ทำสัญญาขายสุนัขพันธุ์เยอรมันเชพเพอด รวม 20 ตัว ราคา 400,000 บาทให้กรมตำรวจ โจทก์ตกลงจ้างจำเลยขนส่งสุนัขดังกล่าวโดยเครื่องบินจากประเทศเยอรมันตะวันตกมายังท่าอากาศยานดอนเมือง จำเลยตกลงรับขน แต่เนื่องจากความผิดของจำเลยที่มิได้จัดให้มีอากาศหายใจเพียงพอแก่สุนัขระหว่างอยู่บนเครื่องบินเมื่อสุนัขมาถึงท่าอากาศยานดอนเมือง ปรากฏว่าสุนัขถึงแก่ความตาย 12 ตัว ส่วนที่เหลืออีก 8 ตัวมีอาการอ่อนเพลีย ไม่สมบูรณ์และเจ็บป่วย ต้องทำการรักษา โจทก์ได้รับความเสียหาย คือค่าซื้อสุนัขจากประเทศเยอรมันตะวันตกทดแทนสุนัขที่ตายเพื่อส่งมอบให้กรมตำรวจตามสัญญาค่านายหน้าและค่าใช้จ่ายในการเลือกสุนัข ค่าขนส่งสุนัขดังกล่าวทางเครื่องบิน ค่าตรวจสอบสุนัขที่ตายและเจ็บป่วยค่าเลี้ยงดูสุนัขที่เจ็บป่วยระหว่างรอการส่งมอบ ค่าโทรเลข ฯลฯ รวม 251,010 บาท ขอให้จำเลยชำระพร้อมดอกเบี้ย

จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย เพราะโจทก์เป็นแต่เพียงผู้ส่ง หาได้เป็นผู้รับตราส่งไม่ เมื่อจำเลยขนส่งสุนัขมาถึงกรุงเทพฯ แล้ว ก็ได้ส่งมอบสุนัขดังกล่าวให้กรมตำรวจซึ่งเป็นผู้รับตราส่ง สิทธิตามสัญญารับขนของโจทก์กับจำเลยย่อมหมดสิ้นไป ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม สุนัขที่ตายและเจ็บป่วยไม่ได้เกิดจากความผิดของจำเลย จำเลยไม่ต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดจากเหตุธรรมชาติ โจทก์ยังไม่ได้ชำระค่าขนส่งสุนัขทั้ง 20 ตัวให้แก่จำเลยรวม 140,323 บาท 87 สตางค์ และค่าธรรมเนียมอื่น ๆอีกรวมทั้งสิ้น 147,217 บาท 70 สตางค์ ขอให้ยกฟ้องและใช้เงินจำนวนดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ย

โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า โจทก์มีสิทธิยึดหน่วงค่าขนส่งและหักกลบลบหนีที่จำเลยเป็นหนี้โจทก์ ค่าขนส่งไม่ถึงจำนวนที่ฟ้องแย้งดอกเบี้ยคิดมาไม่ชอบ ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุมโจทก์มีอำนาจฟ้องค่าเสียหายที่โจทก์มีสิทธิเรียกร้องจากจำเลยรวม210,194 บาทพร้อมดอกเบี้ย โจทก์ยึดหน่วงค่าขนส่งไม่ได้ ค่าขนส่งที่โจทก์ต้องชำระเป็นเงิน 92,510 บาท ค่าธรรมเนียมจำเลยไม่ได้บรรยายให้ชัด ไม่อาจบังคับได้ แต่ตามฟ้อง คำให้การ และฟ้องแย้งต่างฝ่ายมิได้แสดงเจตนาหักกลบลบหนี้กัน ศาลจะพิพากษาให้หักกลบลบหนี้ไม่ได้ พิพากษาให้จำเลยใช้เงิน 210,194 บาทพร้อมดอกเบี้ย และให้โจทก์ใช้เงิน 92,510 บาทพร้อมดอกเบี้ย

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่าอุทธรณ์จำเลยฟังไม่ขึ้น นอกจากค่าขาดกำไรที่โจทก์เรียกร้องโจทก์ไม่เสียหาย และจำเลยเรียกค่าธรรมเนียมได้พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นว่าให้จำเลยใช้เงิน 189,136 บาท พร้อมดอกเบี้ย ให้โจทก์ใช้เงิน 99,403 บาท 83 สตางค์ พร้อมดอกเบี้ยนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยฎีกา

ที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะโจทก์เป็นเพียงผู้ส่งมิใช่ผู้รับตราส่งนั้น ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์นำสืบว่า เมื่อจำเลยได้ขนสุนัขมาถึงท่าอากาศยานดอนเมืองอันเป็นตำบลที่กำหนดให้ส่งนายคณิตทองนพเนื้อ กรรมการบริษัทโจทก์ได้ไปรับมอบสุนัขจากเจ้าหน้าที่ของจำเลย การที่โจทก์นัดหมายให้พันตำรวจโทวิทิต ปัตตะโชติ รองผู้กำกับการสุนัขตำรวจและร้อยตำรวจตรีทวีศักดิ์นายสัตวแพทย์กองกำกับการดังกล่าวไปที่ท่าอากาศยานฯ ด้วยก็มีเหตุผลน่าเชื่อตามที่โจทก์นำสืบว่า เพื่อสังเกตการณ์ว่าไม่มีการเปลี่ยนตัวสุนัขระหว่างที่ขนสุนัขจากเครื่องบิน ไม่ถือว่าเป็นการส่งมอบเพราะตามสัญญาต้องให้กรรมการตรวจรับนายคณิตพยานโจทก์เบิกความด้วยว่า นายสุมิตร พิมพิสาร เจ้าหน้าที่ของบริษัทจำเลยจะให้นายคณิตลงชื่อรับสุนัขทั้ง 20 ตัว แต่นายคณิตยอมลงชื่อรับเฉพาะ 8 ตัวที่ไม่ตายเท่านั้น นายสุมิตรจึงทำหนังสือเอกสารหมาย จ.6 ให้นายคณิตความว่า ขอให้นายคณิตนำสุนัขที่ตายไปทำการผ่าตัดพิสูจน์และช่วยเผาหรือฝังให้ด้วย เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าบริษัทโจทก์ผู้ส่ง โดยนายคณิตกรรมการบริษัทได้สุนัขที่มีชีวิตมาเพียง 8 ตัว เช่นนี้ จะเชื่อได้อย่างไรว่ากรมตำรวจผู้รับตราส่งได้เรียกให้ส่งมอบสุนัขที่ตกลงซื้อแล้ว ยิ่งกว่านั้นพฤติการณ์ต่าง ๆ เกี่ยวกับการกระทำของพันตำรวจโทวิทิตและร้อยตำรวจตรีทวีศักดิ์เท่าที่ปรากฏในสำนวนก็ยังไม่อาจจะถือได้ว่าเป็นการที่กรมตำรวจผู้รับตราส่งได้เรียกให้ส่งมอบของแล้วตามความในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 627 สิทธิทั้งหลายของบริษัทโจทก์ผู้ส่งสุนัขอันเกิดแต่สัญญารับขนนั้นจึงยังมิได้ตกไปได้แก่กรมตำรวจผู้รับตราส่ง โจทก์ในฐานะผู้ส่งจึงมีอำนาจฟ้องจำเลย

ส่วนฎีกาข้ออื่น ๆ ของจำเลยศาลฎีกาวินิจฉัยว่าฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน

Share