คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 192/2494

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ชายหญิงได้เสียเป็นสามีภริยากันโดยได้เสียกันเอง มีบุตรด้วยกัน 1 คนแล้วเลิกกันหญิงไปมีสามีใหม่ ต่อมาชายพบหญิง อ้อนวอนหญิงให้กลับไปอยู่กินด้วยกันอีก หญิงไม่ยอม อ้อนวอนอยู่หลายครั้งหญิงก็ไม่ยอม ชายจึงใช้กำลังเข้าจับมือหญิงทั้ง 2 ข้างฉุดจะให้ไปกับตน และชักมีดปลายแหลมออกมาขู่จะแทงถ้าหญิงไม่ยอมไป หญิงจึงแย่งมีดนั้นได้ ชายยังคงจับมือหญิงอยู่อีกมือหนึ่ง แล้วจะแย่งมีดกลับคืน หญิงจึงแทงชายไป 1 ที ถูกที่เหนือนมซ้าย อยู่ได้อีกประเดี่ยวหนึ่ง ชายก็ถึงแก่ความตาย ดังนี้ย่อมถือว่าการกระทำของหญิงเป็นการกระทำเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ตายฉุดหญิงไปและไม่ให้แย่งมีดคืนเพราะถ้าแย่งมีดคืนไปได้ ผู้ตายอาจแทงหญิงก็ได้ จึงนับว่าเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา๒๕๑
จำเลยต่อสู้ว่ากระทำโดยป้องกันตัว
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยกระทำผิดโดยบรรดาลโทษะตามมาตรา ๕๕ พิพากษาว่าผิดตามมาตรา ๒๕๑-๕๕ จำคุก ๓ ปี
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า เป็นการป้องกันตัว พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีได้ความว่า จำเลยกับผู้ตายเคยเป็นสามีภริยากัน ๒ ปีโดยได้เสียกันเอง มิได้จดทะเบียนสมรสมีบุตรด้วยกันคนหนึ่ง ก่อนเกิดเหตุราว ๒ เดือน จำเลยกับผู้ตายเลิกกัน จำเลยไปได้นายทีเป็นสามีใหม่ ในวันเกิดเหตุเวลาประมาณ ๘.๐๐ น.เศษ ผู้ตายพบกับจำเลยในตลาด ผู้ตายจึงชวนจำเลยกลับไปอยู่กินด้วยกันอีก จำเลยไม่ยอมครั้นเวลาจวน ๑๑.๐๐ น. จำเลยอุ้มบุตรไปที่บ้านนางสมทรงผู้ตายก็มาชวนอีก จำเลยไม่ยอม ผู้ตายกลับไปก่อน แล้วจำเลยอุ้มบุตรลงเรือนไปคนละทาง ไปได้สัก ๑๐ วา ผู้ตายวิ่งตามมาจับมือจำเลยทั้ง ๒ ข้างฉุดจะให้ไปกับผู้ตาย บุตรที่จำเลยอุ้มอยู่พลัดตกลงดิน ผู้ตายชักมีดปลายแหลมขู่จะแทง ถ้าไม่ยอมไปกับผู้ตาย จำเลยแย่งมีดนั้นมาได้ ผู้ตายยังคงจับมือจำเลยอยู่อีกมือหนึ่งเหนือนมซ้ายได้อีกประเดี๋ยวหนึ่งก็ถึงแก่ความตาย ได้ความดังนี้ ศาลฎีกาเห็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ตายฉุดเอาจำเลยไป และไม่ให้แย่งเอามีดกลับคืน ถ้าผู้ตายแย่งมีดไปได้ อาจแทงจำเลยก็ได้ ทั้งขณะนั้นผู้ตายก็ยังคงจับมือจำเลยไว้ และจะแย่งมีดกลับคืนด้วยการที่จำเลยแทงผู้ตายขณะนั้น เป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุแล้ว พิพากษายืน

Share