คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 191/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 และความผิดต่อพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ รัฐเท่านั้นเป็นผู้เสียหาย โจทก์ร่วมมิใช่ผู้เสียหายจึงเป็นโจทก์ร่วมในข้อหาดังกล่าวไม่ได้ และไม่มีสิทธิฎีกาในข้อหาดังกล่าว แม้ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์ร่วมเข้าเป็นโจทก์ร่วมในคดีนี้ได้ ก็น่าจะหมายถึงอนุญาตให้เข้าเป็นโจทก์ร่วมได้เฉพาะในข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,289,80ศาลฎีการับวินิจฉัยเฉพาะฎีกาในข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่นเท่านั้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานร่วมกับพวกมีอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต ร่วมกันใช้ปืนดังกล่าวยิงพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ผู้ถูกยิงขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลชั้นต้นอนุญาต ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยฐานพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน จำคุกตลอดชีวิต ฐานมีอาวุธปืนจำคุก 3 ปี ฐานพาอาวุธปืน จำคุก 1 ปี รวมทุกกระทงจำคุกตลอดชีวิตริบของกลาง เว้นรถยนต์ไม่ริบ จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง โจทก์และโจทก์ร่วมฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “เฉพาะฎีกาของโจทก์ร่วมที่ขอให้ลงโทษจำเลยตามฟ้องนั้น เห็นว่าแม้ศาลชั้นต้นได้อนุญาตให้โจทก์ร่วมเข้าเป็นโจทก์ร่วมในคดีนี้ได้ น่าจะหมายถึงอนุญาตให้เข้าเป็นโจทก์ร่วมได้เฉพาะในข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 289, 80 เท่านั้น เพราะโจทก์ร่วมเป็นผู้เสียหายในข้อหานี้ ส่วนข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 และความผิดต่อพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ รัฐเท่านั้นเป็นผู้เสียหาย โจทก์ร่วมมิใช่ผู้เสียหาย จึงเป็นโจทก์ร่วมในข้อหาดังกล่าวไม่ได้ ดังนั้นโจทก์ร่วมจึงไม่มีสิทธิฎีกาในข้อหาดังกล่าวนี้ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้ คงรับวินิจฉัยให้เฉพาะฎีกาในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 289, 80 เท่านั้น”
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า “พยานหลักฐานโจทก์และโจทก์ร่วมยังรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นคนร้ายยิงโจทก์ร่วม ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องชอบแล้ว ฎีกาโจทก์และโจทก์ร่วมฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ส่วนของกลางนอกจากรถยนต์ของจำเลยเป็นทรัพย์ที่คนร้ายใช้ในการกระทำความผิดให้ริบ”

Share