คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1905/2528

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเป็นอาจารย์ใหญ่ส่วนผู้เสียหายเป็นครูอยู่ในโรงเรียนเดียวกัน ผู้เสียหายขอไปดื่มสุราที่บ้านของจำเลยเพื่อจะ เรียกร้อง ขอเป็นผู้ช่วยอาจารย์ใหญ่ ขณะที่ผู้เสียหายไปถึงบ้านของจำเลยนั้น ผู้เสียหายมีอาการเมาสุรามากแล้ว ครั้นจำเลยปฏิเสธ การขอเป็นผู้ช่วยอาจารย์ใหญ่ ผู้เสียหายก็แสดง อาการไม่พอใจทุบแก้ว และขวดสุราอันเป็นการก้าวร้าวจำเลยซึ่ง เป็นผู้บังคับบัญชา เมื่อจำเลยวิ่งหนีผู้เสียหายก็วิ่งตาม โดยถือคอขวดที่ทุบแตก ซึ่งสามารถใช้เป็นอาวุธได้ในสภาพ เช่นนั้นและยังเข้าโยกราวบันได อันเป็นการพยายาม ทำให้เสียทรัพย์ แล้วกล่าวแก่จำเลยว่า “มึงจะหนีไปไหน” ซึ่งเป็นกิริยาที่พออนุมานได้ว่าผู้เสียหาย จะประทุษร้าย จำเลยโดยไม่ปรากฏว่าจำเลยได้พูดหรือแสดงกิริยาอะไร ที่ เป็นการตอบโต้จะเข้าวิวาทกับผู้เสียหาย พฤติการณ์ของผู้เสียหายเช่นนี้ ถือได้ว่าเป็นการข่มเหงจำเลยอย่างร้ายแรง ด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม การที่จำเลยคว้าอาวุธปืนมายิง ผู้เสียหายในขณะนั้นจึงเป็นการกระทำความผิด โดยบันดาลโทสะตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานพยายามฆ่าผู้เสียหายโดยใช้ปืนยิงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๐, ๒๘๘
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๐, ๒๘๘ ประกอบมาตรา ๗๒
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยซึ่งเป็นอาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนได้ใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายซึ่งเป็นครูอยู่ในโรงเรียนเดียวกัน ๑ นัด กระสุนปืนถูกที่บริเวณชายโครงซ้าย เป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กายถึงสาหัส เหตุเกิดที่บ้านของจำเลยโดยผู้เสียหายขอไปดื่มสุราที่บ้านของจำเลยเพื่อจะเรียกร้องขอเป็นผู้ช่วยอาจารย์ใหญ่อันเป็นเหตุแห่งการวิวาทครั้งนี้ ขณะที่ผู้เสียหายไปถึงบ้านของจำเลยนั้นผู้เสียหายมีอาการเมาสุรามากแล้ว
ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า การที่ผู้เสียหายเมาสุราแล้วเรียกร้องต่อจำเลยขอเป็นผู้ช่วยอาจารย์ใหญ่ ครั้นจำเลยปฏิเสธก็แสดงอาคารไม่พอใจทุบแก้วและขวดสุราอันเป็นการก้าวร้าวจำเลยซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชา เมื่อจำเลยวิ่งหนีผู้เสียหายก็วิ่งตามโดยถือคอขวดที่ทุบแตกซึ่งสามารถใช้เป็นอาวุธได้ในสภาพเช่นนั้นและยังเข้าโยกราวบันไดอันเป็นการพยายามทำให้เสียทรัพย์แล้วกล่าวแก่จำเลยว่า “มึงจะหนีไปไหน” ซึ่งเป็นกิริยาที่พออนุมานได้ว่าผู้เสียหายจะประทุษร้ายจำเลยโดยไม่ปรากฏว่าจำเลยได้พูดหรือแสดงกิริยาอะไรที่เป็นการตอบโต้จะเข้าวิวาทกับผู้เสียหาย พฤติการณ์ของผู้เสียหายเช่นนี้ถือได้ว่าเป็นการข่มเหงจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม การที่จำเลยคว้าอาวุธปืนมายิงผู้เสียหายในขณะนั้นจึงเป็นการกระทำความผิดโดยบันดาลโทสะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๒ แล้ว
พิพากษายืน

Share