คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1891/2512

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำสั่งของศาลที่ให้สืบตัวจำเลยในฐานะเป็นพยานของโจทก์และจำเลยพร้อมกัน หลังจากที่โจทก์นำสืบพยานโจทก์คนอื่นๆหมดแล้วนั้น. หาใช่คำสั่งที่ไม่ให้โจทก์อ้างจำเลยเป็นพยานไม่. แต่เป็นคำสั่งที่ศาลใช้ดุลพินิจสั่งตามหน้าที่ที่เป็นผู้ควบคุมการพิจารณาคดีให้รวดเร็วและเที่ยงธรรม เป็นคำสั่งที่ชอบแล้ว.
การอุทธรณ์คำสั่งระหว่างพิจารณาซึ่งทำพร้อมกับการอุทธรณ์คำพิพากษา ชอบที่จะทำรวมกันมาในคำฟ้องอุทธรณ์หรือในคำแก้อุทธรณ์ฉบับเดียวกันแล้วแต่กรณี. ศาลอุทธรณ์ชอบที่จะวินิจฉัยปัญหาทั้งหมดนั้นรวมในคำพิพากษาฉบับเดียวกันได้.ไม่ขัดประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 239. เพราะมาตรานี้ใช้สำหรับกรณีที่อุทธรณ์คำสั่ง โดยที่ศาลชั้นต้นยังมิได้ชี้ขาดตัดสินคดีแล้วเท่านั้น.
การที่คู่ความไม่เห็นด้วยกับคำสั่งของศาลในเรื่องลำดับของการนำพยานเข้าสืบ. จึงแถลงว่าไม่สืบพยานเช่นนี้.ไม่ใช่กรณีที่ศาลปฏิเสธไม่สืบพยานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 243(2).

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องเรียกค่าบำเหน็จเนื่องจากเป็นนายหน้าขายบ้านให้จำเลยสำเร็จ จำเลยให้การปฏิเสธว่าไม่เคยตกลงให้โจทก์เป็นนายหน้า ในการพิจารณาของศาลชั้นต้น โจทก์อ้างจำเลยเป็นพยานโจทก์และขอให้เรียกจำเลยมาเบิกความเป็นพยานโจทก์ปากที่สอง จำเลยคัดค้าน ศาลจึงสั่งว่าให้สืบพยานคนอื่น ๆ ของโจทก์ให้หมดเสียก่อนแล้วจึงให้สืบตัวจำเลยในฐานะพยานโจทก์และพยานจำเลยไปพร้อมกันโจทก์กลับแถลงว่าโจทก์ไม่ขอสืบพยานคนอื่น ๆ ก่อน เพราะจะทำให้เสียเปรียบ จำเลยจึงแถลงว่าไม่ขอสืบพยานเหมือนกัน ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้สืบตัวจำเลยในฐานะเป็นพยานโจทก์จำเลยพร้อมกันหลังจากที่โจทก์นำสืบพยานโจทก์คนอื่น ๆ หมดแล้วนั้น หาใช่คำสั่งที่ไม่ให้โจทก์อ้างจำเลยเป็นพยานไม่ แต่เป็นคำสั่งที่ศาลใช้ดุลพินิจสั่งตามหน้าที่ที่เป็นผู้ควบคุมการพิจารณาคดีให้รวดเร็วและเที่ยงธรรมคำสั่งนี้ชอบแล้ว การอุทธรณ์คำสั่งระหว่างพิจารณาซึ่งทำพร้อมกับการอุทธรณ์คำพิพากษานั้น ชอบที่จะทำรวมกันมาในคำฟ้องอุทธรณ์หรือในคำแก้อุทธรณ์ฉบับเดียวกันแล้วแต่กรณี และศาลอุทธรณ์ชอบที่จะวินิจฉัยปัญหาทั้งหมดนั้นรวมในคำพิพากษาฉบับเดียวกันได้ ไม่เป็นการขัดกับประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 239 เพราะมาตรานี้เป็นบทบัญญัติสำหรับกรณีที่มีการอุทธรณ์คำสั่งโดยที่ศาลชั้นต้นยังมิได้ชี้ขาดตัดสินคดีเท่านั้น การที่คู่ความไม่เห็นด้วยกับคำสั่งศาลในเรื่องลำดับของการนำพยานเข้าสืบ จึงแถลงว่าไม่สืบพยานเช่นนี้ ไม่ใช่กรณีที่ศาลปฏิเสธไม่สืบพยานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 243(2) พิพากษายืน.

Share