แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์เคยฟ้องจำเลยหาว่าทำคันนาและระบังกีดขวางทางสาธารณครั้งหนึ่งแล้ว แต่ศาลยกฟ้อง บัดนี้โจทก์กลับมาฟ้องจำเลยในข้องหาอย่างเดียวกันนั้นอีกโดยจำเลยมิได้ทำสิ่งกีดขวางอะไรขึ้นใหม่ แม้โจทก์จะอ้างบทกฎหมายที่ขอให้ลงโทษจำเลยมาต่างกันก็ดีก็ต้องถือว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดครั้งเดียวฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้ำคดีต้องห้าม
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าระหว่างเดือนตุลาคมจนถึงวันที่ ๖ ธันวาคม จำเลยปั้นคันนาและทำระบังจับปลารุกล้ำทางน้ำสาธารณประโยชน์ ขอให้ลงโทษ ปรากฎว่าก่อนฟ้องคดีนี้ โจทก์เคยฟ้องจำเลยหาว่าจำเลยกระทำผิดเช่นคดีนี้ระหว่างวันที่ ๒๕ กันยายน ถึงวันที่ ๒๒ พฤศจิกายน แต่ศาลพิพากษายกฟ้องเด็ดขาดไปแล้วจำเลยจึงให้การต่อสู้ว่าโจทก์ฟ้องซ้ำ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลย
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าโจทก์ฟ้องคดีนี้ในการกระทำของจำเลยซึ่งโจทก์ได้ฟ้องแล้วเป็นการฟ้องซ้ำคดี ที่โจทก์ถือว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดเรื่อย ๆ ไปนั้น ก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ทำสิ่งกีดขวางอะไรขึ้นใหม่นอกจากที่ทำไว้เดิม โจทก์เปลี่ยนข้อหาว่าจำเลยทำผิด พ.ร.บ. ควบคุมเหมืองฝายและพะนัง ฯลฯ เป็นว่ากระทำผิดกฎหมายอาญา ม.๓๓๕(๑๐) ซึ่งความผิดตามบทมาตรานี้โจทก์อ้างฟ้องในคดีก่อนได้โดยถือว่ากระทำผิดหลายบท การกระทำของจำเลยเช่นนี้ต้องถือว่าเป็นความผิดครั้งเดียว ฟ้องของโจทก์ต้องห้ามตามประมวลวิธีพิจารณาอาญา ม.๓๙(๔) และนัยฎีกาที่ ๕๙/๒๔๘๒ จึงพิพากษายกฟ้องโจทก์
ศาลฎีกาตัดสินยืนตามศาลอุทธรณ์