คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1879/2518

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

บทบัญญัติมาตรา 12 ประมวลรัษฎากร เป็นกฎหมายพิเศษให้อำนาจแก่เจ้าพนักงานที่จะเรียกเก็บภาษีอากรค้างได้โดยสั่งยึดและสั่งขายทอดตลาดทรัพย์สินได้เอง โดยไม่จำต้องนำคดีขึ้นฟ้องร้องต่อศาล จึงถือได้ว่าเป็นสิทธิอื่นๆ ซึ่งบุคคลภายนอกอาจร้องขอให้บังคับเหนือทรัพย์สินนั้นได้ตามกฎหมาย ซึ่งบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งว่าด้วยการบังคับคดีแก่ทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาไม่กระทบกระทั่งถึง ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 287 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง เมื่อกฎหมายให้อำนาจไว้ถึงขนาดนี้แล้ว แม้ผู้ร้อง (เจ้าพนักงานซึ่งเป็นเจ้าหนี้ค่าภาษีอากรค้าง) จะมิได้เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา ก็มีสิทธิที่จะขอเข้าเฉลี่ยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290 ได้ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 14/2518)

ย่อยาว

เดิมโจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระเงินค่าซื้อเชื่อสินค้า ศาลพิพากษาให้จำเลยชำระเงินให้โจทก์ จำเลยไม่ปฏิบัติตามคำบังคับ โจทก์ได้นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์จำเลย

กรมสรรพากรและผู้ว่าราชการนครหลวงกรุงเทพธนบุรียื่นคำร้องว่า จำเลยเป็นหนี้ค้างชำระค่าภาษีการค้าเป็นเงิน 808,230 บาท ผู้ร้องทั้งสองได้แจ้งให้จำเลยชำระเงินดังกล่าวแต่จำเลยไม่ชำระจำเลยไม่มีทรัพย์สินอื่นใดพอชำระหนี้ และผู้ร้องทั้งสองไม่อาจดำเนินการตามประมวลรัษฎากร มาตรา 12 ได้ เพราะเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดทรัพย์ของจำเลยไว้ก่อนแล้ว ขอให้ศาลมีคำสั่งยอมให้ผู้ร้องทั้งสองเข้าเฉลี่ยในเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290

โจทก์ยื่นคำแถลงคัดค้านว่า หนี้ที่ผู้ร้องกล่าวอ้างนับแต่วันที่ผู้ร้องยื่นคำร้องเป็นเวลากว่า 3 ปีแล้ว ไม่ใช่หนี้ค่าภาษีอากรในปีปัจจุบันและก่อนนั้นขึ้นไปอีกปีหนึ่ง จึงมิใช่หนี้บุริมสิทธิทั้งผู้ร้องทั้งสองก็มิใช่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาและเป็นหนี้ที่ยังไม่แน่นอนจึงไม่มีสิทธิร้องขอเฉลี่ยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290 ขอให้ยกคำร้อง

ในวันนัดไต่สวนคำร้องของผู้ร้อง ทนายผู้ร้องส่งสำเนาแบบแจ้งการประเมินภาษีการค้าของจำเลย กับส่งคำอุทธรณ์ของจำเลยและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ซึ่งแสดงรายการภาษีค้างชำระของจำเลยไว้โดยละเอียด ทนายโจทก์ไม่คัดค้านเอกสารดังกล่าว

ศาลชั้นต้นงดการไต่สวนแล้วมีคำสั่งว่า หนี้ของผู้ร้องไม่ใช่หนี้ตามคำพิพากษาและไม่ใช่หนี้บุริมสิทธิหรือสิทธิอื่น ๆ ซึ่งอาจร้องขอให้บังคับเหนือทรัพย์สินของจำเลยได้ตามกฎหมาย ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิขอเฉลี่ย ให้ยกคำร้อง

ผู้ร้องขอเฉลี่ยทั้งสองอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

ผู้ร้องขอเฉลี่ยทั้งสองฎีกาว่า แม้หนี้รายนี้จะไม่ใช่หนี้บุริมสิทธิ และไม่ใช่หนี้ตามคำพิพากษา ผู้ร้องก็มีสิทธิขอเฉลี่ย

ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติได้ว่า จำเลยเป็นหนี้ค้างชำระค่าภาษีการค้าซึ่งจะต้องชำระให้แก่ผู้ร้องทั้งสองตามคำร้อง ผู้ร้องทั้งสองมิได้ดำเนินการตามประมวลรัษฎากร มาตรา 12 เพราะเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดทรัพย์ของจำเลยไว้

ปัญหาที่ว่า ผู้ร้องซึ่งมิได้เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาจะมีสิทธิขอเฉลี่ยตามคำร้องได้หรือไม่นั้น ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วในเรื่องค่าภาษีอากรซึ่งต้องเสียตามประมวลรัษฎากรนั้น ประมวลรัษฎากรมาตรา 12 บัญญัติไว้ว่า “……….ฯลฯ……….เพื่อให้ได้รับชำระค่าภาษีอากรค้างให้เป็นอำนาจของข้าหลวงประจำจังหวัดหรือนายอำเภอโดยเฉพาะที่จะสั่งยึดและสั่งขายทอดตลาดทรัพย์สินของผู้ต้องรับผิดเสียภาษีอากร โดยมิต้องขอให้ศาลออกหมายยึดหรือสั่ง……….ฯลฯ

Share