แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การกระทำความผิดใด เป็นภัยร้ายแรงต่อ ส่วนรวมหรือไม่เป็นข้อเท็จจริงที่รู้กันอยู่ทั่วไป โจทก์มิต้องนำสืบ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 84(1) ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 และสภาพความผิดดังกล่าว ศาลอาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยประกอบการพิจารณาลงโทษจำเลยได้ การที่ศาลอุทธรณ์ใช้ ดุลพินิจ กำหนดโทษจำคุกจำเลยเสียใหม่ถือได้ว่าศาลอุทธรณ์วินิจฉัยคำฟ้องอุทธรณ์ของโจทก์ตลอดจนคำแก้ อุทธรณ์ของจำเลยประกอบกันด้วย แล้ว ไม่จำเป็นที่ศาลอุทธรณ์จะต้อง หยิบยกเอาคำแก้อุทธรณ์ของจำเลยขึ้นมาว่ากล่าวให้ปรากฏรายละเอียดประการอื่นโดยเฉพาะ แต่ ประการใด.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเล่นการพนันสลากกินรวบ อันเป็นการพนันตามบัญชี ข. หมายเลข 16 ท้ายพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 พนันเอาทรัพย์สินกัน โดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานโดยจำเลยเป็นเจ้ามือรับกิตรับใช้ ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติการพนันพ.ศ. 2478 มาตรา 4, 5, 6, 10, 12, 15 ริบของกลางและสั่งจ่ายสินบนนำจับตามกฎหมาย
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามฟ้อง จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78คงจำคุก 3 เดือน ปรับ 2,500 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 55, 56 ไม่ชำระค่าปรับกักขังแทนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30ริบของกลาง กับให้จำเลยใช้สินบนกึ่งหนึ่งของค่าปรับ
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ไม่รอการลงโทษจำเลย
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำคุก 4 เดือน สถานเดียวจำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุก 2 เดือน ไม่รอการลงโทษให้จำเลย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยฎีกาข้อแรกว่า ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าความผิดของจำเลยเป็นภัยต่อเศรษฐกิจของชาติเป็นส่วนรวม และเป็นความผิดร้ายแรงโดยโจทก์มิได้นำสืบถึงความข้อนี้ เป็นการนำข้อเท็จจริงนอกสำนวนมาวินิจฉัย ทั้งศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยคำแก้อุทธรณ์ของจำเลยด้วย จึงเป็นการพิจารณาพิพากษาคดีที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น เห็นว่าการกระทำความผิดใดเป็นภัยร้ายแรงต่อส่วนรวมหรือไม่นั้น เป็นข้อเท็จจริงที่รู้กันอยู่ทั่วไปโดยโจทก์มิต้องนำสืบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 84(1)ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 และสภาพความผิดดังกล่าวศาลอาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยประกอบการพิจารณาลงโทษจำเลยได้ ทั้งการที่ศาลอุทธรณ์ใช้ดุลพินิจกำหนดโทษจำคุกจำเลยเสียใหม่โดยไม่รอการลงโทษให้นั้น ถือได้ว่าศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยคำฟ้องอุทธรณ์ของโจทก์ตลอดจนคำแก้อุทธรณ์ของจำเลยประกอบกันด้วยแล้วไม่จำเป็นที่ศาลอุทธรณ์จะต้องหยิบยกเอาคำแก้อุทธรณ์ของจำเลยขึ้นมาว่ากล่าวให้ปรากฏรายละเอียดประการอื่นโดยเฉพาะแต่ประการใดการพิจารณาพิพากษาคดีของศาลอุทธรณ์จึงชอบแล้วฎีกาจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น ส่วนที่จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษจำคุกจำเลยนั้น พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงตามฎีกาและคำแก้อุทธรณ์ของจำเลยซึ่งโจทก์มิได้โต้แย้งได้ความว่า จำเลยเปิดร้านขายอาหารและของวชำ มีบุตรผู้เยาว์ 2 คน ต้องอุปการะเลี้ยงดูโพยสลากกินรวบมี 6 แผ่น และเป็นรายย่อย ๆ เงินสดของกลางที่ยึดได้มีเพียง 80 บยาท จึงไม่ใช่เป็นการเล่นการพนันรายใหญ่ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยกระทำความผิดมาก่อน จึงมีเหตุอันควรปรานีเพื่อให้โอกาสจำเลยกลับตัวเป็นพลเมืองดีต่อไปที่ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำคุกจำเลยนโดยไม่รอการลงโทษนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วยฎีกาจำเลยข้อนี้ฟังขึ้น และเห็นว่าที่ศาลชั้นต้นใช้ดุลพินิจลงโทษจำเลยมานั้นเหมาะสมแล้ว
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.