แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ยอมรับในคำฟ้องว่า ที่ดินที่โจทก์ใช้ต่อเนื่องกับ โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดมีเนื้อที่ 4,090.99 ตารางเมตร สำหรับปี พ.ศ. 2528และ พ.ศ. 2529 กับมีเนื้อที่ 3,870.05 ตารางเมตร สำหรับปี พ.ศ. 2531เพียงแต่อ้างว่าที่ดินที่โจทก์ใช้ ต่อเนื่องกับโรงเรือนสำนักงานขาย ควรมีเนื้อที่เพียง 324.56 เมตร ที่เหลือนอกนั้นเป็นที่ดินที่โจทก์ใช้ต่อเนื่องกับโรงเรือนและ สิ่งปลูกสร้างอื่น แต่มิได้กล่าวอ้างในคำฟ้องว่าค่ารายปีของที่ดินที่ใช้ต่อเนื่องกับโรงเรือนสำนักงานขายและที่ใช้ต่อเนื่อง กับโรงเรือน และสิ่งปลูกสร้างอื่นนั้นมีอัตราแตกต่างกัน โจทก์ย่อมมี หน้าที่จะ ต้องชำระค่าภาษีปีละครั้งตามค่ารายปีของที่ดินที่ใช้ ต่อเนื่องกับโรงเรือนสำนักงานขาย และที่ใช้ต่อเนื่องกับโรงเรือน และสิ่งปลูกสร้างอื่นทั้งหมดในอัตราร้อยละ 12.5 ต่อปี ตาม พระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดินพ.ศ. 2475 มาตรา 8พระราชบัญญัติ ญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ. 2475 มาตรา 13 บัญญัติว่า”ถ้าเจ้าของโรงเรือนใดติดตั้งส่วนควบที่สำคัญมีลักษณะ เป็นเครื่องจักรกลไก เครื่องกระทำหรือเครื่องกำเนิดสินค้าเพื่อ ใช้ดำเนินการอุตสาหกรรม…ขึ้นในโรงเรือนนั้น ๆ ในการประเมิน ท่านให้ลดค่ารายปีลงเหลือหนึ่งในสาม…” ดังนี้ เครื่องจักรกลไก เครื่องกระทำหรือเครื่องกำเนิดสินค้าที่ติดตั้งนั้น ต้องติดตั้ง ในโรงเรือน และเป็นส่วนควบ อันสำคัญ โมบายออฟฟิศ มีเพียง แผงสวิตซ์ สำหรับควบคุมการทำงาน ของเครื่องจักรผสมคอนกรีตติดตั้ง อยู่เท่านั้น แต่การผลิตคอนกรีตผสมเสร็จเพื่อจำหน่ายอันเป็น อุตสาหกรรมของโจทก์ ความสำคัญอยู่ที่เครื่องจักรผสมคอนกรีต ซึ่งมิได้ติดตั้งในโมบายออฟฟิศ ลำพังแต่แผงสวิตช์สำหรับควบคุมการทำงานของเครื่องจักรผสมคอนกรีตจึงมิใช่ส่วนควบที่สำคัญ มี ลักษณะเป็นเครื่องจักรกลไกเพื่อใช้ดำเนินการอุตสาหกรรมของ โจทก์ตามความหมายของบทกฎหมายดังกล่าว ที่วางเครื่องจักรผสมคอนกรีต มีสภาพเป็นเพียงสิ่งปลูกสร้าง ที่เป็นฐานติดตรึง กับพื้นดินโดยมีเครื่องจักรผสมคอนกรีตติดตั้ง เป็นส่วนควบอยู่ ตอนบนเท่านั้น หาได้มีสภาพเป็นโรงเรือนสำหรับ ให้เครื่องจักร ผสมคอนกรีตติดตั้งเป็นส่วนควบเข้าด้วยไม่ จึงไม่เป็น โรงเรือนซึ่งติดตั้งส่วนควบที่สำคัญมีลักษณะเป็นเครื่องจักรกลไก เพื่อใช้ดำเนินการอุตสาหกรรมของโจทก์ ห้องปั๊มลม มีผนังของห้องทั้งสี่ด้านและด้านบนทำด้วยแผ่นเหล็กมีรูปลักษณะเป็นกล่องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ครอบเครื่องปั๊มลมไว้มุมฝาทั้งสี่ด้านมีขาเหล็กยึดกับพื้นคอนกรีต มีประตูทางเข้า 1 บาน ภายในห้องมีเครื่องปั๊มลมอันเป็นเครื่องจักรกลไกที่ สนับสนุนการทำงานของเครื่องจักรผสมคอนกรีตติดตั้งอยู่กับ พื้นคอนกรีต ห้องปั๊มลมจึงเป็นเพียง สิ่งปลูกสร้างสำหรับคุ้มกัน เครื่องปั๊มลมเท่านั้น หาได้มีสภาพเป็นที่สำหรับอยู่หรือไว้สิ่งของคล้ายโรงเรือนไม่ ถือไม่ได้ว่าเป็นโรงเรือนซึ่งติดตั้ง ส่วนควบที่สำคัญอันมีลักษณะเป็นเครื่องจักรกลไกเพื่อดำเนินการ อุตสาหกรรม ของ โจทก์ สายพานลำเลียงปูนซิเมนต์มีสภาพเป็นสายพานลำเลียง แขวนอยู่บนคานเหล็กซึ่งมีขาตั้งเป็นเหล็กติดตรึงอยู่ กับพื้นคอนกรีต ในที่โล่ง ไม่มีฝาหรือหลังคาคลุม จึงมีสภาพเป็นเพียง สิ่งปลูกสร้าง หาได้มีสภาพ เป็นโรงเรือนซึ่งติดตั้งส่วนควบที่สำคัญ มีลักษณะเป็นเครื่องจักรกลไกเพื่อใช้ดำเนินการอุตสาหกรรมของ โจทก์ไม่ โรงคุมสายพานลำเลียงปูนซีเมนต์ มีสภาพเป็นโรงขนาดสูงใหญ่มีฝาสองด้าน มีหลังคาคลุม โครงสร้างเป็นเหล็กติดตรึง กับ พื้นคอนกรีตอย่างมั่งคงแข็งแรงมีคานเหล็กพร้อมขาตั้งเหล็กที่ติดตรึง อยู่ กับ พื้นคอนกรีตภายในโรงอย่างมั่นคงแข็งแรงเช่นกัน คานเหล็กดังกล่าวใช้เป็นที่แขวนสายพานลำเลียงปูนซีเมนต์ ด้วยรอก ร้อยโซ่ มีมอเตอร์ ไฟฟ้าสำหรับขับเคลื่อนล้อในการลำเลียง ปูนซีเมนต์บรรจุถุงจากเรือสู่รถยนต์บรรทุกเพื่อนำไปยังถังเก็บ สำหรับใช้ส่งเข้าเครื่องจักรผสมคอนกรีตใน การผลิตคอนกรีตผสมเสร็จ จำหน่าย คาน รอก โซ่ สายพานลำเลียงและ มอเตอร์ไฟฟ้าพร้อมล้อ ดังกล่าวประกอบกันสามารถใช้เป็นเครื่องมืออำนาจความสะดวกในการ ส่งถ่ายแรงได้ จึงเป็นเครื่องจักรกลไกเพื่อใช้ดำเนินการอุตสาหกรรม ของโจทก์ เมื่อโรงคุมสายพานได้ติดตั้งส่วนควบที่สำคัญมีลักษณะ เป็นเครื่องจักรกลไกดังกล่าว จึงถือได้ว่าเป็นโรงเรือนซึ่ง ติดตั้งส่วนควบที่สำคัญมีลักษณะเป็นเครื่องจักรกลไกเพื่อใช้ ดำเนินการ อุตสาหกรรมของโจทก์.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนการประเมินของเจ้าพนักงานของจำเลยที่ 1 และคำชี้ขาดของจำเลยที่ 2 ในส่วนที่เกี่ยวกับโรงเรือนและที่ดินตามฟ้อง กับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนเงินค่าภาษีที่โจทก์ชำระเกินแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสองให้การว่า การประเมินของเจ้าพนักงานของจำเลยที่ 1 และคำชี้ขาดของจำเลยที่ 2 ชอบแล้ว
ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาให้เพิกถอนการประเมินของเจ้าพนักงานของจำเลยที่ 1 และคำชี้ขาดของจำเลยที่ 2 ตามฟ้อง ให้จำเลยที่ 1ปรับปรุงและแก้ไขการประเมิน โดยให้ลดค่ารายปีสำหรับโรงเรือนโมบายออฟพิศ ที่วางเครื่องจักรผสมคอนกรีตโรงคุมสายพานลำเลียงปูนซีเมนต์ สายพานลำเลียงปูนซีเมนต์ และห้องปั๊มลม ลงเหลือหนึ่งในสามของค่ารายปีของโรงเรือนแต่ละรายการ เมื่อจำเลยที่ 1 ปรับปรุงแก้ไขการประเมินภาษีโรงเรือนและที่ดินและคำชี้ขาดใหม่แล้ว ให้จำเลยที่ 1 คืนเงินค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินส่วนที่โจทก์ชำระเกินให้แก่โจทก์ภายใน 3 เดือน นับแต่วันที่มีคำพิพากษาถึงที่สุด ถ้าไม่คืนภายในกำหนดเวลาดังกล่าว ให้จำเลยที่ 1 เสียดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของเงินจำนวนดังกล่าว นับแต่วันครบกำหนด 3 เดือนจากวันที่มีคำพิพากษาถึงที่สุดจนถึงวันชำระเสร็จแก่โจทก์ คำขออื่นของโจทก์ให้ยก
โจทก์ จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พิเคราะห์แล้ว อุทธรณ์ของโจทก์ที่โต้แย้งเกี่ยวกับการที่พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1 นำเอาที่ดินจำนวนเนื้อที่ 4,090.99 ตารางเมตร มาคำนวณค่ารายปีของปี พ.ศ. 2528และ พ.ศ. 2529 กับจำนวนเนื้อที่ 3,870.05 ตารางเมตร มาคำนวณค่ารายปีของปี พ.ศ. 2531 แล้วประเมินค่าภาษีจากโจทก์โดยถือว่าเป็นที่ดินที่โจทก์ใช้ต่อเนื่องกับโรงเรือนสำนักงานขายทั้งหมด ว่าเป็นการไม่ชอบนั้น เห็นว่าตามคำฟ้องของโจทก์ยอมรับข้อเท็จจริงแล้วว่าที่ดินที่โจทก์ใช้ต่อเนื่องกับโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดมีเนื้อที่ 4,090.99 ตารางเมตร สำหรับปี พ.ศ. 2528 และพ.ศ. 2529 กับมีเนื้อที่ 3,870.05 ตารางเมตร สำหรับปี พ.ศ. 2531เพียงแต่โจทก์อ้างว่า ที่ดินที่โจทก์ใช้ต่อเนื่องกับโรงเรือนสำนักงานขายควรมีเนื้อที่เพียง 324.56 ตารางเมตร ที่เหลือนอกนั้นเป็นที่ดินที่โจทก์ใช้ต่อเนื่องกับโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างอื่นดังนั้นตามข้อเท็จจริงดังกล่าว โจทก์ย่อมมีหน้าที่จะต้องชำระค่าภาษีปีละครั้งตามค่ารายปีของที่ดินที่โจทก์ใช้ต่อเนื่องกับโรงเรือนสำนักงานขาย และที่ใช้ต่อเนื่องกับโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างอื่นทั้งหมดในอัตราร้อยละ 12.5 ต่อปี ตามพระราชบัญญัติ ภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ. 2475 มาตรา 8 และพระราชบัญญัติ ภาษีโรงเรือนและที่ดินแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2475 มาตรา5 และเมื่อโจทก์มิได้กล่าวอ้างในคำฟ้องว่าค่ารายปีของที่ดินที่ใช้ต่อเนื่องกับโรงเรือนสำนักงานขายและที่ใช้ต่อเนื่องกับโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างอื่นนั้น มีอัตราแตกต่างกัน อันจะทำให้การที่พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1 นำจำนวนที่ดินทั้งหมดมารวมคิดค่ารายปีในอัตราเดียวกันเป็นการไม่ถูกต้อง ดังนั้น การที่พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1 คิดค่ารายปีจากจำนวนที่ดินที่โจทก์ใช้ต่อเนื่องกับโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดรวมกันในอัตราเดียวกัน แล้วประเมินค่าภาษีในอัตราร้อยละ 12.5 ต่อปีจึงเป็นการชอบด้วยกฎหมายแล้ว กรณีหาใช่โจทก์มีที่ดินที่ใช้ต่อเนื่องกับโรงเรือนสำนักงานขายเพียง 324.56 ตารางเมตร โดยไม่มีที่ดินที่ใช้ต่อเนื่องกับโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างอื่นอีก3,766.43 ตารางเมตร แต่พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1 กลับคำนวณค่ารายปีจากที่ดินจำนวน 4,090.99 ตารางเมตร อันเป็นเหตุให้ค่ารายปีมากผิดความจริงเป็นเหตุให้ค่าภาษีมีจำนวนมากเกินกว่าจำนวนที่จะต้องเสียตามกฎหมายไปด้วย ดังนั้นที่โจทก์อุทธรณ์ว่าโจทก์ควรเสียภาษีที่ดินที่ใช้ต่อเนื่องกับโรงเรือนสำนักงานขายพื้นที่ตามอัตราเฉลี่ยเพียง 324.56 ตารางเมตร รวมกับพื้นที่ของโรงเรือนสำนักงานขายอีก 56.25 ตารางเมตรแล้วนำไปคำนวณค่ารายปีและคิดภาษีตามอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้ ส่วนจำนวนภาษีที่พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1 ได้เรียกเก็บไปจากโจทก์นั้นมากกว่าจำนวนดังกล่าวไปเท่าใดต้องถือว่าคิดเกิน ต้องคืนให้แก่โจทก์เท่ากับโจทก์โต้แย้งไม่ยอมเสียค่าภาษีสำหรับที่ดินที่โจทก์ใช้ต่อเนื่องกับโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างอื่นของโจทก์ ซึ่งโจทก์มีหน้าที่จะต้องเสียภาษีตามบทกฎหมายที่ได้วินิจฉัยไว้ในตอนต้น
ส่วนอุทธรณ์ของโจทก์ที่ว่า ค่ารายปีของที่ดินที่ใช้ต่อเนื่องกับโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างแต่ละรายมีอัตราไม่เท่ากัน การนำจำนวนที่ดินมารวมคิดในอัตราเดียวกันจึงไม่ถูกต้อง นอกจากนี้ที่ดินบางส่วนยังเป็นที่ดินว่างเปล่า โจทก์ไม่ได้ใช้ประโยชน์จึงไม่ต้องเสียภาษี และที่ดินที่ใช้ต่อเนื่องกับโรงเรือนซึ่งติดตั้งส่วนควบที่สำคัญมีลักษณะเป็นเครื่องจักรกลไกเพื่อใช้ดำเนินการอุตสาหกรรมของโจทก์ ก็ควรได้รับการลดค่ารายปีลงเหลือเพียงหนึ่งในสามด้วยนั้น เป็นปัญหาที่โจทก์ตั้งขึ้นมาใหม่ในชั้นอุทธรณ์มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัย
ประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยในข้อแรกมีว่าการประเมินภาษีโรงเรือนสำหรับทรัพย์สินรายการที่ 1 ตามแบบแจ้งรายการเสียภาษีโรงเรือนและที่ดินประจำปีภาษี พ.ศ. 2528, พ.ศ. 2529และ พ.ศ. 2531 โมบายออฟฟิศจะต้องลดค่ารายปีลงเหลือเพียงหนึ่งในสามก่อนคำนวณภาษีหรือไม่ พิจารณาแล้วพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ. 2475 มาตรา 13 บัญญัติว่า “ถ้าเจ้าของโรงเรือนใดติดตั้งส่วนควบที่สำคัญมีลักษณะเป็นเครื่องจักรกลไกเครื่องกระทำหรือเครื่องกำเนิดสินค้าเพื่อใช้ดำเนินการอุตสาหกรรม…ขึ้นในโรงเรือนนั้น ๆ ในการประเมินท่านให้ลดค่ารายปีลงเหลือหนึ่งในสาม…” ดังนี้ เห็นได้ว่าเครื่องจักรกลไก เครื่องกระทำหรือเครื่องกำเนิดสินค้าที่ติดตั้งในโรงเรือน และเป็นส่วนควบอันสำคัญจึงจะได้รับประโยชน์ตามมาตรานี้ แต่ข้อเท็จจริงปรากฏว่าโมบายออฟฟิศมีเพียงแผงสวิตซ์สำหรับควบคุมการทำงานของเครื่องจักรผสมคอนกรีตติดตั้งอยู่เท่านั้น แต่การผลิตคอนกรีตผสมเสร็จเพื่อจำหน่ายอันเป็นอุตสาหกรรมของโจทก์นั้น ความสำคัญอยู่ที่เครื่องจักรผสมคอนกรีต หาใช่อยู่ที่แผงสวิตซ์สำหรับควบคุมการทำงานของเครื่องจักรผสมคอนกรีตไม่เมื่อเครื่องจักรผสมคอนกรีตอันเป็นที่มีลักษณะสำคัญเพื่อดำเนินการอุตสาหกรรมของโจทก์นั้น มิได้ติดตั้งในโมบายออฟฟิศ ลำพังแต่แผงสวิตซ์สำหรับควบคุมการทำงานของเครื่องจักรผสมคอนกรีตจึงมิใช่ส่วนควบที่สำคัญมีลักษณะเป็นเครื่องจักรกลไกเพื่อใช้ดำเนินการอุตสาหกรรมของโจทก์ ตามความหมายของบทกฎหมายดังกล่าว ดังนั้นการที่พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1 ประเมินทรัพย์สินรายการนี้โดยมิได้ลดค่ารายปีลงเหลือหนึ่งในสามจึงเป็นการถูกต้อง
ประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยในข้อ 2 มีว่า ทรัพย์สินรายการที่ 8ตามแบบแจ้งรายการเพื่อเสียภาษีโรงเรือนและที่ดินประจำปีภาษี พ.ศ.2528 และ พ.ศ. 2529 และประจำปีภาษี พ.ศ. 2531 รายการที่ 3 ที่วางเครื่องจักรผสมคอนกรีตเป็นโรงเรือนที่จะต้องลดค่ารายปีลงเหลือหนึ่งในสามก่อนคำนวณภาษีหรือไม่ เห็นว่าที่วางเครื่องจักรผสมคอนกรีตมีสภาพเป็นเพียงสิ่งปลูกสร้างที่เป็นฐานติดตรึงกับพื้นที่ดินโดยมีเครื่องจักรผสมคอนกรีตติดตั้งเป็นส่วนควบอยู่ตอนบนเท่านั้น หาได้มีสภาพเป็นโรงเรือนสำหรับให้เครื่องจักรผสมคอนกรีตได้ติดตั้งเป็นส่วนควบเข้าด้วยไม่ ทรัพย์สินดังกล่าวจึงไม่เป็นโรงเรือนซึ่งติดตั้งส่วนควบที่สำคัญมีลักษณะเป็นเครื่องจักรกลไกเพื่อใช้ดำเนินการอุตสาหกรรมของโจทก์ การที่พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1 ประเมินค่าภาษีทรัพย์สินรายการนี้โดยมิได้ลดค่ารายปีลงเหลือหนึ่งในสาม จึงเป็นการถูกต้องคำชี้ขาดของจำเลยที่ 2 ชอบแล้ว
ประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยในข้อที่ 3 มีว่า ทรัพย์สินรายการที่ 8 ตามแบบแจ้งรายการเพื่อเสียภาษีโรงเรือนและที่ดินประจำปีภาษี พ.ศ. 2531 คือ ห้องปั๊มลม เป็นโรงเรือนที่จะต้องลดค่ารายปีลงเหลือหนึ่งในสามก่อนคำนวณภาษีหรือไม่ เห็นว่า ห้องปั๊มลมนั้นสภาพของห้องทั้งสี่ด้านและด้านบนทำด้วยแผ่นเหล็กมีรูปลักษณะเป็นกล่องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ครอบเครื่องปั๊มลมไว้ มุมฝาทั้งสี่ด้านมีขาเหล็กยึดติดกับพื้นคอนกรีตมีประตูทางเข้า 1 บาน ภายในห้องมีเครื่องปั๊มลมอันเป็นเครื่องจักรกลไกที่สนับสนุนการทำงานของเครื่องจักรผสมคอนกรีตติดตั้งอยู่กับพื้นคอนกรีต สภาพดังกล่าวจึงเป็นเพียงสิ่งปลูกสร้างสำหรับคุ้มกันเครื่องปั๊มลมเท่านั้น หาได้มีสภาพเป็นที่สำหรับอยู่หรือไว้สิ่งของคล้ายโรงเรือนไม่ ถือไม่ได้ว่าเป็นโรงเรือนซึ่งติดตั้งส่วนควบที่สำคัญอันมีลักษณะเป็นเครื่องจักรกลไกเพื่อดำเนินการอุตสาหกรรมของโจทก์ จึงไม่มีข้อพิจารณาที่พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1 จะต้องลดค่ารายปีลงเหลือหนึ่งในสามก่อนประเมินค่าภาษีตามที่โจทก์อ้าง
ประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยในข้อที่ 4 มีว่า ทรัพย์สินรายการที่ 18 ตามแบบแจ้งรายการเพื่อเสียภาษีโรงเรือนและที่ดินประจำปีภาษีพ.ศ. 2531 สายพานลำเลียงปูนซีเมนต์ เป็นโรงเรือนที่จะต้องลดค่ารายปีลงเหลือหนึ่งในสามก่อนคำนวณภาษีหรือไม่ เห็นว่า สายพานลำเลียงปูนซีเมนต์มีสภาพเป็นสายพานลำเลียงแขวนอยู่บนคานเหล็กซึ่งมีขาตั้งเป็นเหล็กติดตรึงอยู่กับพื้นคอนกรีตในที่โล่ง ไม่มีฝาหรือหลังคาคลุม จึงมีสภาพเป็นเพียงสิ่งปลูกสร้าง หาได้มีสภาพเป็นโรงเรือนซึ่งติดตั้งส่วนควบที่สำคัญมีลักษณะเป็นเครื่องจักรกลไกเพื่อใช้ดำเนินการอุตสาหกรรมของโจทก์ไม่ จึงไม่มีข้อพิจารณาที่พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1 จะต้องลดค่ารายปีของทรัพย์สินรายการนี้ลงเหลือหนึ่งในสามก่อนคำนวณภาษีตามที่โจทก์อ้าง
ประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยในข้อสุดท้ายมีว่า ทรัพย์สินรายการที่ 19 ตามแบบแจ้งรายการเพื่อเสียภาษีโรงเรือนและที่ดินประจำปีภาษีพ.ศ. 2531 โรงคุมสายพานลำเลียงปูนซีเมนต์ เป็นโรงเรือนที่จะต้องลดค่ารายปีลงเหลือหนึ่งในสามก่อนคำนวณภาษีหรือไม่ เห็นว่าโรงคุมสายพานลำเลียงปูนซีเมนต์มีสภาพเป็นโรงขนาดสูงใหญ่มีฝาสองด้านมีหลังคาคลุม เป็นพื้นที่ขนาด 10.30 x 12 เมตร โครงสร้างเป็นเหล็กติดตรึงกับพื้นคอนกรีตอย่างมั่นคงแข็งแรง มีคานเหล็กพร้อมขาตั้งเหล็กที่ติดตรึงอยู่กับพื้นคอนกรีตภายในโรงอย่างมั่นคงแข็งแรงเช่นกัน คานเหล็กดังกล่าวใช้เป็นที่แขวนสายพานลำเลียงปูนซีเมนต์ด้วยรอกร้อยโซ่ มีมอเตอร์ไฟฟ้าสำหรับขับเคลื่อนล้อในการลลำเลียงปูนซีเมนต์บรรจุถุงจากเรือสู่รถยนต์บรรทุกเพื่อนำไปยังถังเก็บสำหรับใช้ส่งเข้าเครื่องจักรผสมคอนกรีตในการผลิตคอนกรีตผสมเสร็จจำหน่าย คาน รอกโซ่ สายพานลำเลียงและมอเตอร์ไฟฟ้าพร้อมล้อดังกล่าวประกอบกันสามารถใช้เป็นเครื่องมืออำนวยความสะดวกในการส่งถ่ายแรงได้ จึงเป็นเครื่องจักรกลไกที่สำคัญเพื่อใช้ดำเนินการอุตสาหกรรมของโจทก์เมื่อโรงคุมสายพานได้ติดตั้งส่วนควบที่สำคัญมีลักษณะเป็นเครื่องจักรกลไกดังกล่าว จึงถือได้ว่าเป็นโรงเรือนซึ่งติดตั้งส่วนควบที่สำคัญมีลักษณะเป็นเครื่องจักรกลไกเพื่อใช้ดำเนินการอุตสาหกรรมของโจทก์ขึ้นในโรงเรือนนั้น ตามพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ. 2475 มาตรา 13 แล้ว ทรัพย์สินรายการนี้จึงเป็นโรงเรือนที่ต้องลดค่ารายปีลงเหลือเพียงหนึ่งในสาม
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องของโจทก์ที่ขอให้เพิกถอนการประเมินของพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1 และคำชี้ขาดของจำเลยที่ 2 ในส่วนที่เกี่ยวกับค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินสำหรับทรัพย์สินรายการที่ 1 ที่ 8 ตามแบบแจ้งรายการเพื่อเสียภาษีโรงเรือนและที่ดินประจำปีภาษี พ.ศ. 2528 และ พ.ศ. 2529 และสำหรับทรัพย์สินรายการที่ 1 ที่ 3 ที่ 8 ที่ 18 ตามแบบแจ้งรายการเพื่อเสียภาษีโรงเรือนและที่ดินประจำปีภาษี พ.ศ. 2531 เสียด้วย นอกจากที่แก้ให้คงเป็นไปตามคำพิพากษาศาลภาษีอากรกลาง.