คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1868-1869/2494

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สำเนารายงานของสารวัตรตรวจท่าเรือในต่างประเทศซึ่งรายงานว่ามีเรือลำใดเข้าออกท่าเมื่อใดบ้างนั้น เมื่อปรากฎว่าสำเนารายงานนั้นมีผู้รับรองว่าเป็นสำเนาอันถูกต้องทั้งกงศุลใหญ่ของไทยในเมืองต่างประเทศนั้น เป็นผู้นำส่งสำเนานั้นมาในทางราชการอันเป็นการรับรองอยู่ในตัวว่าเป็นสำเนาอันถูกต้องเช่นนั้ ย่อมฟังเป็นพยานหลักฐานได้ตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 238

ย่อยาว

คดีนี้ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า นายแสวง นายเสวก จำเลยมีความผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๒๓๐,๑๑๘ แต่ให้ลงโทษจำคุกจำเลยคนละ ๕ ปี ตามมาตรา ๒๓๐ ซึ่งเป็นบทหนัก ส่วนเรือตรีปิ่นจำเลยผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักร ซึ่งสินค้าบางอย่าง ( ฉะบับที่ ๓ ) พ.ศ.๒๔๙๐ มาตรา ๓ ฯลฯ
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้ง ๓ ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าท้องที่อำเภอปะทิวจังหวัดชุมพรไม่มีด่านศุลกากร กรมศุลกากรจึงขอความร่วมมือจากกระทรวงมหาดไทยให้ส่งคณะกรมการอำเภอชายทะเลที่ไม่มีด่านศุลกากร ทำหน้าที่ด่านศุลกากรด้วย กระทรวงมหาดไทยได้สั่งให้เป็นไปตามความประสงค์ของกรมศุลกากรแล้ว นายแสวงปลัดอำเภอและนายเสวกสมุห์บัญชีอำเภอซึ่งเป็นคณะกรมการอำเภอปะทิวจึงเป็นเจ้าพนักงานศุลกากรด้วย
ข้อคัดค้านของจำเลยที่ว่าสำเนารายงานของสารวัตรตรวจเรือเข้าออก เป็นพยานบอกเล่ามิได้นำสารวัตตรวจท่ามาสืบต่อหน้าศาลให้จำเลยมีโอกาศซักค้านนั้น ก็ปรากฎว่าสำเนารายงานฉะบับนี้มีผู้รับรองว่าเป็นสำเนาอันถูกต้อง ทั้งกงศุลใหญ่เมืองสิงคโปร์นำส่งในราชการ อันเป็นการรับรองอยู่ในตัว ว่าเป็นสำเนาอันถูกต้องเช่นนี้ ย่อมฟังเป็นพยานหลักฐานได้ตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา ๒๓๘
จึงพิพากษายืน

Share