แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ผู้รับประกันภัยซึ่งได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนให้ธ.ผู้เอาประกันภัยไปแล้วฟ้องจำเลยที่1ผู้ทำละเมิดและจำเลยที่2ที่3ผู้ใช้อำนาจปกครองจึงเป็นการฟ้องในฐานะผู้เข้ารับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา880ไม่ได้ฟ้องบังคับตามสัญญาประกันภัย ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา867วรรคแรกเป็นเพียงบทบัญญัติใช้บังคับเฉพาะแก่คู่กรณีที่ได้ทำสัญญากันเท่านั้นหามีผลผูกพันให้ใช้แก่บุคคลภายนอกจำเลยทั้งสามเป็นบุคคลภายนอกไม่ได้เป็นคู่สัญญาย่อมไม่อยู่ภายใต้บังคับแห่งกฎหมายที่ต้องนำพยานเอกสารมาแสดงการนำสืบและการรับฟังพยานหลักฐานจึงไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา94แม้ในวันชี้สองสถานโจทก์ไม่มีต้นฉบับเอกสารกรมธรรม์ประกันภัยมาแสดงต่อศาลโจทก์ก็สืบพยานบุคคลเพื่อให้ศาลรับฟังว่าโจทก์เป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์ไว้จากนายธวัชชัย ในระหว่างอายุสัญญาประกัน จำเลยที่ 1ผู้เยาว์อยู่ในอำนาจปกครองของจำเลยที่ 2 และที่ 3 ได้ขับรถจักรยานยนต์เฉี่ยวชนกับรถยนต์ของนายธวัชชัยโจทก์ได้ดำเนินการจัดซ่อมและส่งมอบให้ผู้เอาประกันขอให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้เงิน 274,473.36 บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสามให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง สัญญาประกันภัยเป็นโมฆะ ฟ้องโจทก์เกี่ยวกับค่าเสียหายเคลือบคลุมขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ประเด็นเกี่ยวกับอำนาจฟ้อง โจทก์ไม่มีต้นฉบับกรมธรรม์ประกันภัยมาแสดงต่อศาลในวันชี้สองสถานไม่สามารถสืบพยานในประเด็นข้อนี้ได้ จึงไม่อาจฟังได้ว่าโจทก์ได้รับประกันภัยรถยนต์จากนายธวัชชัย โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องประเด็นข้ออื่นไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกาโดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสามให้รับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์ เนื่องจากจำเลยที่ 1 กระทำละเมิดทำให้รถยนต์ของนายธวัชชัยที่เอาประกันภัยไว้กับโจทก์ได้รับความเสียหาย ซึ่งจำเลยที่ 2 ที่ 3 ต้องร่วมรับผิดในผลละเมิดกับจำเลยที่ 1 และโจทก์ได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนสำหรับความเสียหายของรถยนต์ให้นายธวัชชัยผู้เอาประกันภัยไปแล้ว โจทก์จึงฟ้องในฐานะผู้เข้ารับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 880 ไม่ได้ฟ้องบังคับตามสัญญาประกันภัย แม้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 867 วรรคแรกจะบังคับว่าการทำสัญญาประกันภัยต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ ก็เป็นเพียงบทบัญญัติใช้บังคับเฉพาะแก่คู่กรณีที่ได้มีการทำสัญญากันขึ้นเท่านั้น หามีผลผูกพันให้ใช้แก่บุคคลภายนอกไม่ จำเลยทั้งสามเป็นบุคคลภายนอก ไม่ได้เป็นคู่สัญญา ย่อมไม่อยู่ภายใต้บังคับแห่งกฎหมายที่ต้องนำพยานเอกสารมาแสดง การนำสืบและการรับฟังพยานหลักฐานจึงไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 ดังนี้ แม้ในวันชี้สองสถานโจทก์มิได้มีต้นฉบับเอกสารกรมธรรม์ประกันภัยมาแสดงต่อศาลโจทก์ก็สามารถสืบได้ด้วยพยานบุคคลเพื่อให้ศาลรับฟังว่าโจทก์เป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์คันดังกล่าวไว้จากนายธวัชชัยหากฟังได้เช่นนั้นโจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องฉะนั้นที่ศาลชั้นต้นงดสืบพยานโจทก์จำเลยแล้วพิพากษาให้ยกฟ้องเป็นการไม่ชอบ
พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาสืบพยานโจทก์จำเลยแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี