คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1863/2527

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยและ ป. โกรธแค้น ม. ที่ฆ่า ส. เพื่อนของจำเลยตายจึง ถือปืนไปถามหา ม. ต่อ พ. และ ย. โดยมิได้มีเจตนาจะฆ่าพ. และ ย. มาก่อนเลย ครั้นไม่พบ ม. จำเลยก็ยิงและไล่ตามยิง พ.ส่วน ป. ยิงและไล่ตามยิง ย. ต่อมาอีกเล็กน้อยเมื่อ ป. ยิง ย.ขณะที่จำเลยอยู่ด้วย จำเลยก็มิได้ยิง ย. ตามพฤติการณ์ดังกล่าวส่อเจตนาของจำเลยและ ป. ว่าต่างคนต่างยิง พ.และ ย. เป็นเจตนาที่ต่างเพิ่งเกิดขึ้นใหม่ จำเลยมิได้มีเจตนาร่วมกับ ป.ฆ่า ย. จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานพยายามฆ่า ย. อีกกระทงหนึ่ง
ระหว่างพิจารณาของศาลฎีกาได้มีพระราชบัญญัติล้างมลทินในโอกาสสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี พ.ศ. 2526 ประกาศใช้มีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม 2526 ซึ่งตามมาตรา 4 บัญญัติให้ล้างมลทินแก่บรรดาผู้ต้องโทษในกรณีความผิดต่าง ๆ ซึ่งได้กระทำก่อนหรือในวันที่ 6 เมษายน 2525 และได้พ้นโทษไปแล้วก่อนหรือในวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ฯลฯ โดยถือว่าผู้นั้นมิได้เคยถูกลงโทษในความผิดนั้นๆ จำเลยต้องโทษในกรณีความผิดซึ่งได้กระทำก่อนวันที่ 6 เมษายน 2525 และพ้นโทษคดีก่อนก่อนที่พระราชบัญญัติดังกล่าวใช้บังคับ จึงเพิ่มโทษจำเลยไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกับพวกอีกคนหนึ่งซึ่งหลบหนีได้กระทำผิดกฎหมายหลายกรรมต่างกัน โดยร่วมกันมีอาวุธปืนลูกซอง ๑ กระบอก อาวุธปืนพกขนาด .๓๘ ๑ กระบอก ใช้ยิงได้ ไม่มีเครื่องหมายทะเบียนประทับและกระสุนปืนขนาดไม่ปรากฏชัดใช้กับอาวุธปืนดังกล่าว ๒ นัดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และได้พาอาวุธปืนดังกล่าวไปในเมือง หมู่บ้านและที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตและมิใช่กรณีจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ กับได้ร่วมกันใช้อาวุธปืนดังกล่าวยิงโดยเจตนาฆ่า พ. และ ย. กระสุนปืนถูกคนทั้งสองบริเวณที่ไม่สำคัญและแพทย์รักษาได้ทันท่วงทีจึงไม่ถึงแก่ความตาย พ. ได้รับบาดเจ็บสาหัส ย. ได้รับอันตรายแก่กาย จำเลยเคยต้องโทษและพ้นโทษมาแล้ว ขอให้ลงโทษและเพิ่มโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๘๐, ๘๓, ๒๘๘, ๙๑, ๙๒ ฯลฯ อาวุธปืน ฯ พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๗, ๘ ทวิ,๗๒, ๗๒ ทวิ ฯลฯ
ชั้นแรกจำเลยให้การปฏิเสธ ต่อมาเมื่อสืบพยานโจทก์ไป ๒ ปาก จำเลยขอถอนคำให้การเดิมให้การใหม่สารภาพตามฟ้องทุกประการ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมาย มาตรา ๘๐, ๘๓,๒๘๘, ๙๑ ฯลฯ พระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๗, ๘ ทวิ, ๗๒, ๗๒ ทวิที่แก้ไขแล้ว ลงโทษฐานพยายามร่วมกันฆ่าผู้อื่นจำคุก ๑๒ ปี ฐานมีอาวุธปืน ฯ จำคุก๒ ปี ฐานพกพาอาวุธปืน ฯ จำคุก ๑ ปี รวมจำคุก ๑๕ ปี เพิ่มโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๒ หนึ่งในสามเป็นจำคุก ๒๐ ปี ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ จำคุก ๑๓ ปี ๔ เดือน
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษฐานพยายามฆ่า ย. อีกระทงหนึ่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยและ ป. จะไม่ฆ่า ม. เพราะโกรธแค้น ม. ที่ฆ่า ส.เพื่อนของจำเลยตาม มิได้มีเจตนาจะไปฆ่า พ. กับ ย. มาก่อนเลย ครั้นเมื่อไม่พบ ม.จำเลยก็ยิงและไล่ตามยิง พ. ส่วน ป. ยิง ย. และไล่ตามไป ตามพฤติการณ์ดังกล่าวส่อเจตนาของจำเลยและ ป. ว่าต่างคนต่างยิง พ. และ ย. เป็นเจตนาที่ต่างเพิ่งเกิดขึ้นใหม่ ระหว่างที่มารดาของ ย. พา ย. ออกจากบ้านจะไปโรงพยาบาลพบจำเลยและ ป.ป. ยิงมาทาง ย. ๑ นัดแต่ไม่ถูก ย. ไม่ได้ถูกจำเลยยิง หากจำเลยมีเจตนาฆ่า ย. ด้วยจำเลยจะต้องยิง ย. ในขณะนั้น แสดงว่าจำเลยมิได้มีเจตนาร่วมกับ ป. ฆ่า ย. จำเลยไม่มีความผิดฐานพยายามฆ่า ย. อีกกระทงหนึ่งด้วย
ระหว่างพิจารณาของศาลฎีกาได้มีพระราชบัญญัติล้างมลทินในโอกาสสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ ๒๐๐ ปี พ.ศ. ๒๕๒๖ ประกาศใช้ มีผลบังคับตั้งแต่วันที่๑๖ มีนาคม ๒๕๒๖ ซึ่งตาม มาตรา ๔ บัญญัติให้ล้างมลทินแก่บรรดาผู้ต้องโทษในกรณีความผิดต่าง ๆ ซึ่งได้กระทำก่อนหรือในวันที่ ๖ เมษายน ๒๕๒๕ และได้พ้นโทษไปแล้วก่อนหรือในวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ หรือซึ่งได้พ้นโทษโดยผลแห่งพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ. ๒๕๒๕ โดยให้ถือว่าผู้นั้นมิเคยได้ถูกลงโทษในความผิดนั้น ๆ จำเลยต้องโทษในกรณีความผิดซึ่งได้กระทำก่อนวันที่ ๖ เมษายน ๒๕๒๕ และพ้นโทษคดีก่อน ก่อนที่พระราชบัญญัติดังกล่าวใช้บังคับ จึงเพิ่มโทษจำเลยไม่ได้
พิพากษาแก้เป็นว่าให้จำคุกจำเลยรวม ๑๕ ปี ลดโทษให้ ๑ ใน ๓ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงจำคุกจำเลย ๑๐ ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์

Share