แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 และที่ 2 ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 โจทก์ฎีกา ในระหว่างที่ศาลชั้นต้นส่งสำเนาฎีกาให้จำเลยที่ 2 ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 ถึงแก่กรรม ศาลชั้นต้นส่งสำนวนให้ศาลฎีกาพิจารณา ดังนี้ คดีสำหรับจำเลยที่ 2 ระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(1) โดยโจทก์ไม่จำต้องขอถอนฎีกา ศาลฎีกาย่อมมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีออกจาก สารบบความ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 กับพวกอีกหนึ่งคนที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้องร่วมกันปล้นทรัพย์ของนายถาวร พรหมขวัญ โดยใช้วาจาและมีดพกเป็นอาวุธขูเข็ญ ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340, 83
จำเลยทั้งสองให้การปฎิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคสอง จำเลยที่ 1 อายุไม่เกิน 20 ปี ลดมาตราส่วนโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76 จำคุก 1 ปี 8 เดือน จำคุกจำเลยที่ 2 ไว้ 12 ปี
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2
โจทก์ฎีกา ขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ระหว่างที่ศาลชั้นต้นส่งสำเนาฎีกาให้จำเลยที่ 2 ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 ถึงแก่กรรม ศาลชั้นต้นส่งสำนวนมาให้ศาลฎีกาพิจารณาสั่ง
ศาลฎีกาเห็นว่า ในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกาปรากฏว่าจำเลยที่ 2 ถึงแก่กรรม โจทก์รับว่าจำเลยที่ 2 ถึงแก่กรรมจริงและแถลงขอถอนฎีกา คดีสำหรับจำเลยที่ 2 จึงเป็นระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 39(1) โดยโจทก์ไม่จำต้องขอถอนฎีกา ให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ