แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์และทนายโจทก์ระบุสำนักงานบริษัท ร.เป็นภูมิลำเนาของโจทก์ในคำฟ้องและภูมิลำเนาของทนายโจทก์ ในใบแต่งทนายความ แต่ตามคำเบิกความของโจทก์ ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องและคำร้อง ของ ทนายโจทก์มิได้ระบุ ภูมิลำเนาของตนตามที่ระบุไว้ในคำฟ้องและใบแต่งทนายความ ดังนั้น การที่โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่ โดยอ้างว่าโจทก์ไม่ทราบกำหนดนัดสืบพยานโจทก์เนื่องจาก ย้ายภูมิลำเนา ศาลชั้นต้นจึงควรทำการไต่สวนว่าเหตุที่ โจทก์ยกขึ้นอ้างนั้นฟังได้หรือไม่ เพียงใด ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 166 วรรคสอง และมาตรา 181 จะอาศัยเพียงโจทก์และทนายโจทก์ย้ายภูมิลำเนา ไม่แจ้งให้ศาลทราบมาเป็นเหตุยกคำร้องโดยไม่ทำการไต่สวน หาสมควรไม่
ย่อยาว
คดีนี้สืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534มาตรา 4 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่า คดีมีมูลให้ประทับฟ้อง และให้นัดสอบคำให้การจำเลยกับสืบพยานโจทก์วันที่ 15 กันยายน 2540เวลา 13.30 นาฬิกา ครั้นถึงกำหนดนัดสอบคำให้การและสืบพยานโจทก์ จำเลยไม่มาศาล ศาลชั้นต้นจึงให้ออกหมายจับจำเลยและจำหน่ายคดีชั่วคราว ต่อมาวันที่ 19 กันยายน 2540 จำเลยมอบตัวต่อศาลและให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นจึงนัดสืบพยานโจทก์วันที่ 14 พฤศจิกายน 2540 เวลา 9 นาฬิกา และหมายแจ้งวันนัดสืบพยานโจทก์ให้โจทก์กับทนายโจทก์ทราบโดยให้ศาลแขวงพระนครใต้ดำเนินการส่งหมายนัดให้ และเจ้าหน้าที่ศาลแขวงพระนครใต้ส่งหมายนัดสืบพยานโจทก์ให้โจทก์และทนายโจทก์ที่บ้านเลขที่ 43/4 ถนนเลียบแม่น้ำเจ้าพระยา ซอยนอกเขตแขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร โดยวิธีปิดหมายเมื่อถึงกำหนดนัดสืบโจทก์ โจทก์ไม่มาศาลโดยไม่แจ้งเหตุขัดข้องศาลชั้นต้นจึงให้ยกฟ้องโจทก์ ต่อมาวันที่ 30 มีนาคม 2541โจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นขอให้ยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่อ้างว่า โจทก์และทนายโจทก์ไม่ทราบวันนัดสืบพยานโจทก์ตามหมายนัด เนื่องจากเดิมโจทก์และทนายโจทก์ระบุสำนักงานบริษัทไร้ท์พิคเจอร์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งโจทก์มีตำแหน่งเป็นผู้จัดการฝ่ายการเงิน ทนายโจทก์มีตำแหน่งเป็นผู้จัดการฝ่ายกฎหมายเป็นภูมิลำเนา แต่เมื่อเดือนกรกฎาคม 2540โจทก์และทนายโจทก์รวมทั้งผู้บริหารของบริษัทดังกล่าวลาออกทั้งหมด และภายหลังจากนั้นโจทก์และทนายโจทก์ก็ไม่ได้เข้าไปบริษัทดังกล่าว เมื่อเจ้าหน้าที่ศาลนำหมายนัดไปปิดที่บริษัทดังกล่าว โจทก์และทนายโจทก์จึงไม่ทราบวันนัดตามหมายนัดทำให้โจทก์และทนายโจทก์ไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์ขอให้ศาลสั่งไต่สวนคำร้อง ขอให้ยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า โจทก์และทนายโจทก์อ้างว่าลาออกบริษัทที่มีภูมิลำเนาตามฟ้องเมื่อเดือนกรกฎาคม 2540แต่เมื่อโจทก์และทนายโจทก์มาศาลในวันนัดไต่สวนมูลฟ้องวันที่ 30 กรกฎาคม 2540 กับในวันนัดสอบคำให้การและสืบพยานโจทก์ในวันที่ 15 กันยายน 2540 โจทก์ไม่ได้แจ้งต่อศาลว่าย้ายภูมิลำเนาทั้งที่เป็นเรื่องสำคัญและมีโอกาสกับมีเวลาที่จะแจ้งได้อีกทั้งศาลได้ส่งหมายนัดสืบพยานโจทก์ให้แก่โจทก์และทนายโจทก์ตามภูมิลำเนาในคำฟ้องโดยชอบตามรายงานการส่งหมายลงวันที่ 2 ตุลาคม 2540 ดังนั้น แม้ข้อเท็จจริงได้ความตามคำร้องก็ไม่มีเหตุที่จะพิจารณาคดีใหม่ ให้ยกคำร้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “การที่โจทก์และทนายโจทก์ระบุสำนักงานบริษัทไร้ท์พิคเจอร์ จำกัด (มหาชน) เป็นภูมิลำเนาของโจทก์ในคำฟ้อง และภูมิลำเนาของทนายโจทก์ในใบแต่งทนายความแล้วต่อมาโจทก์และทนายโจทก์ลาออกจากบริษัทดังกล่าวแต่ไม่แจ้งการย้ายภูมิลำเนาให้ศาลทราบ นับว่าโจทก์และทนายโจทก์มีส่วนบกพร่องอยู่บ้างแต่ตามคำเบิกความของโจทก์ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ได้เบิกความต่อศาลว่า โจทก์มีภูมิลำเนาอยู่ที่ 25/7 แขวงสามเสนนอก เขตดินแดงกรุงเทพมหานคร และเมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งประทับฟ้องแล้วได้มีคำสั่งให้หมายเรียกจำเลยมาแก้คดีพร้อมกับนัดสืบพยานโจทก์วันที่ 15 กันยายน 2540 เวลา 13.30 นาฬิกา ทนายโจทก์ได้ยื่นคำร้องลงวันที่ 30 กรกฎาคม 2540 ต่อศาลชั้นต้นขอให้มีหนังสือถึงศาลจังหวัดเพชรบูรณ์เพื่อส่งหมายเรียกให้แก่จำเลยแทน โดยคำร้องดังกล่าวทนายโจทก์ระบุภูมิลำเนาว่าอยู่ที่บ้านเลขที่ 28/19 หมู่ที่ 17 ถนนอ่อนนุช แขวงประเวศเขตประเวศ กรุงเทพมหานคร ซึ่งตามคำเบิกความของโจทก์และคำร้อง ของ ทนายโจทก์ดังกล่าวต่างมิได้ระบุภูมิลำเนาของตนตามที่ระบุไว้ในคำฟ้องและใบแต่งทนายความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 166 วรรคสองบัญญัติว่า “คดีที่ศาลได้ยกฟ้องดังกล่าวแล้ว ถ้าโจทก์มาร้องภายในสิบห้าวัน นับแต่วันศาลยกฟ้องนั้น โดยแสดงให้เห็นได้ว่ามีเหตุสมควรจึงมาไม่ได้ ก็ให้ศาลยกคดีขึ้นไต่สวนมูลฟ้องใหม่” และมาตรา 181 ให้นำบทบัญญัติมาตรา 166มาบังคับแก่การพิจารณาโดยอนุโลม เมื่อคำร้องขอให้ยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่ของโจทก์ได้อ้างว่าโจทก์ไม่ทราบกำหนดนัดสืบพยานโจทก์เนื่องจากย้ายภูมิลำเนา จึงไม่ได้มาศาลดังนั้น จึงสมควรที่ศาลชั้นต้นจะทำการไต่สวนว่าเหตุที่โจทก์ยกขึ้นอ้างฟังได้หรือไม่เพียงใด ศาลชั้นต้นจะอาศัยเพียงโจทก์และทนายโจทก์ย้ายภูมิลำเนาไม่แจ้งให้ศาลทราบขึ้นมาเป็นเหตุยกคำร้องโดยไม่ทำการไต่สวน หาสมควรไม่ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งและศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วยฎีกาโจทก์ฟังขึ้น”
พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นและคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของโจทก์แล้วมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี