คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1859/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องผู้บังคับกองตำรวจภูธร ในฐานะนายทะเบียนคนต่างด้าวอ้างว่า จำเลยบังคับให้โจทก์ชำระค่าธรรมเนียมต่ออายุใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว ขอให้แสดงว่าโจทก์เป็นคนสัญชาติไทย ใบสำคัญเป็นโมฆะ ให้ห้ามจำเลยอย่าให้บังคับให้ต่ออายุ เช่นนี้แม้โจทก์จะเป็นคนไทย แต่เมื่อทางพิจารณาข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้บังคับโจทก์ให้ชำระค่าธรรมเนียมต่ออายุ หรือได้โต้แย้งสิทธิของโจทก์แต่ประการใด โจทก์ก็ยังไม่มีอำนาจฟ้องร้องขอให้บังคับจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์และบิดาโจทก์เป็นคนสัญชาติไทยตามกฎหมายเมื่อ พ.ศ. 2480 บิดาโจทก์ได้ขอจดทะเบียนต่างด้าวให้โจทก์โดยการหลงผิด เจ้าพนักงานได้ออกใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวให้โจทก์ยึดถือไว้ ต่อมา พ.ศ. 2505 จำเลยซึ่งเป็นนายทะเบียนคนต่างด้าวสถานีตำรวจภูธรจังหวัดระนองได้บังคับให้โจทก์นำเงินไปชำระค่าธรรมเนียมต่ออายุใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวให้เสร็จภายในกำหนด ถ้าไม่ชำระจะต้องถูกจับกุมดำเนินคดีอาญา อันเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ ขอให้ศาลพิพากษาว่าโจทก์เป็นคนสัญชาติไทยและใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวดังกล่าวเป็นโมฆะ และขอให้ห้ามจำเลยอย่าให้บังคับโจทก์ให้เสียค่าธรรมเนียมต่ออายุใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวอีกต่อไป

จำเลยให้การว่า โจทก์และบิดามารดาเป็นคนสัญชาติจีน โจทก์ขอรับใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวด้วยความสมัครใจของโจทก์ และขอต่ออายุใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวตลอดมา 20 ปีเศษแล้ว จำเลยไม่ได้แจ้งให้โจทก์เสียค่าธรรมเนียมต่ออายุใบสำคัญฯ เลย โจทก์เป็นคนต่างด้าวจึงไม่มีสิทธิจะโต้แย้งฝ่าฝืนข้อบังคับแห่งกฎหมายขอให้ยกฟ้องและพิพากษาว่าใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวที่ออกให้โจทก์สมบูรณ์ถูกต้องตามกฎหมาย

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาไม่เชื่อว่าจำเลยจะได้พูดบังคับโจทก์ว่า ถ้าโจทก์ไม่เสียค่าธรรมเนียมต่ออายุใบสำคัญคนต่างด้าวก็จะจับกุมและฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้โต้แย้งสิทธิของโจทก์ และเห็นว่าถ้าโจทก์เป็นคนไทย การที่พนักงานเจ้าหน้าที่ออกใบทะเบียนคนต่างด้าวให้โจทก์หาได้ทำให้โจทก์เปลี่ยนสัญชาติไปไม่ เพราะการจดทะเบียนคนต่างด้าวย่อมเป็นแต่เพียงหลักฐานชั้นหนึ่งเท่านั้นว่าผู้จดเป็นคนต่างด้าวแต่สัญชาติที่แท้จริงย่อมอยู่กับกฎหมายว่าด้วยสัญชาติ หาจำเป็นจะต้องมีการแสดงของศาลไม่ ฉะนั้นแม้โจทก์จะเป็นคนสัญชาติไทยจริงดังกล่าวอ้าง แต่จำเลยก็หาได้โต้แย้งสิทธิของโจทก์ประการใดไม่ยังไม่เกิดอำนาจฟ้องร้องขอให้บังคับจำเลยได้ตามมาตรา 55 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 1317/2495 จึงพิพากษายืน

Share