คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1855/2511

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดที่ 3308 อยู่ริมแม่น้ำ โดยซื้อจาก บ. ซึ่ง บ. รับซื้อจาก อ. อีกต่อหนึ่ง.ที่ดินแปลงนี้อยู่ติดกับบ้านของจำเลยซึ่งปลูกอยู่ชายตลิ่งแม่น้ำในที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน ตัวเรือนของจำเลยบังหน้าที่ดินของโจทก์. ขัดต่อความสะดวกในการที่โจทก์จะใช้สอยหรือรับประโยชน์จากแม่น้ำลำคลองอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน. ดังนี้ถือว่าโจทก์เป็นผู้เสียหายพิเศษ. จำเลยจะอ้างว่าโจทก์ไม่เสียหาย. เพราะที่ดินโจทก์ใช้เป็นทางเดินจำเป็นแล้ว. ย่อมไม่ได้ (อ้างฎีกาที่1095/2500).
พระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ.2456 มาตรา 89.หาได้ตัดอำนาจโจทก์ที่จะฟ้องร้องจำเลยทางแพ่งเพื่อบังคับตามสิทธิของโจทก์อันมีอยู่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ไม่.
คดีแดงที่ 3425/2504 นั้น ศาลวินิจฉัยในประเด็นที่ว่าจำเลยปลูกเรือนอยู่ได้เพราะบิดาของ อ. โจทก์ในคดีนั้นให้จำเลยเช่า และโจทก์ได้รับรองการเช่าแล้ว. โจทก์ในคดีนั้นจึงไม่มีอำนาจที่จะฟ้องขับไล่จำเลย. เพราะจำเลยได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าฯ อันเป็นประเด็นโต้เถียงเกี่ยวกับเรื่องเช่าทรัพย์. ไม่ใช่เรื่องละเมิด. ส่วนคดีนี้โจทก์อ้างว่าได้รับซื้อที่ดินโฉนดที่ 3308 จาก บ. โดย บ. ซื้อจาก อ. เป็นโฉนดแบ่งแยกจากโฉนดเลขที่ 2389 คือ ที่ดินที่พิพาทในคดีแดงที่3425/2504. แต่โจทก์คดีนี้มิได้เป็นคู่ความกับจำเลยในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 3425/2504. จะถือว่าโจทก์เป็นผู้สืบสิทธิมาจากโจทก์ในคดีก่อนก็ไม่ได้. เพราะสัญญาเช่าระหว่างจำเลยกับโจทก์ในคดีก่อนเป็นสัญญาเช่าที่ในแม่น้ำนอกที่ดินที่โจทก์ในคดีนี้ซื้อมา. จึงไม่ได้โอนมายังโจทก์พร้อมกับที่ดินที่โจทก์ซื้อ. คดีจึงไม่มีประเด็นในเรื่องเช่าทรัพย์ดังในคดีก่อน. ประเด็นในคดีนี้คือ โจทก์ให้จำเลยออกไปจากหน้าที่ดิน จำเลยไม่ยอมออก. อันเป็นเรื่องละเมิด. ฟ้องของโจทก์จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำกับคดีแดงที่ 3425/2504.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดที่ 3308ริมแม่น้ำเจ้าพระยา โดยซื้อจากนางบรรจงซึ่งซื้อจากนายอุไภยที่ดินแบ่งแยกจากโฉนดเลขที่ 2389 จำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์บ้านเรือนเลขที่ 43 ปลูกอยู่ในที่ชายตลิ่งของแม่น้ำเจ้าพระยาอันเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน และอยู่หน้าที่ดินโจทก์ เป็นการกีดขวางบังหน้าที่ดินโจทก์ ไม่สะดวกแก่การที่โจทก์จะใช้ที่ดินออกสู่แม่น้ำ ขอให้บังคับขับไล่จำเลยและบริวาร และรื้อถอนบ้านเลขที่ 43 พร้อมสิ่งปลูกสร้างออกไปให้พ้นหน้าที่ดินโจทก์ ฯลฯ จำเลยให้การว่า ที่ดินของโจทก์ตกอยู่ในสภาพทางภารจำยอมหรือทางจำเป็นโจทก์สิ้นสิทธิที่จะใช้ประโยชน์หรือใช้สอยที่ดิน โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายพิเศษ ที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินที่โจทก์ฟ้องนี้อยู่ริมตลิ่งแม่น้ำเจ้าพระยา อยู่ในจังหวัดพระนคร เป็นเขตท่ากรุงเทพฯ ตามพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ. 2456มาตรา 12 และเขตท่ากรุงเทพฯ ให้เจ้าท่ามีอำนาจบังคับให้รื้อถอนบรรดาแพหรือเรือนที่ปักเสาลงในชายฝั่งน้ำได้ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง คดีนี้ เจ้าของเดิมได้เคยฟ้องจำเลยตามสำนวนคดีแพ่งแดงที่ 3425/2504 ของศาลแพ่ง ศาลแพ่งชี้ขาดในประเด็นข้อนี้แล้วโจทก์ผู้รับโอนย่อมรับโอนมาทั้งสิทธิและหน้าที่ ฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้ำ ฯลฯ ศาลแพ่งพิพากษายกฟ้องโจทก์ โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ขับไล่จำเลยกับบริวาร ให้จำเลยรื้อถอนบ้านเลขที่ 43 ฯลฯ จำเลยฎีกา ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดที่ 3308อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา โดยซื้อจากนางบรรจงซึ่งรับซื้อจากนายอุไภยอีกต่อหนึ่ง ที่ดินแปลงนี้อยู่ติดกับบ้านของจำเลยซึ่งปลูกอยู่ชายตลิ่งแม้น้ำเจ้าพระยา ในที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินตัวเรือนบังหน้าที่ดินของโจทก์ ขัดต่อความสะดวกในการที่โจทก์จะใช้สอยหรือรับประโยชน์จากแม่น้ำลำคลองอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ดังนี้ ศาลฎีกาเห็นว่า ศาลแพ่งศาลอุทธรณ์ว่าโจทก์เป็นผู้เสียหายพิเศษนั้นชอบแล้ว จำเลยฎีกาว่าโจทก์ไม่เสียหายอะไรเพราะที่ดินโจทก์ใช้เป็นทางเดินจำเป็นแล้ว โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายที่จะมีอำนาจฟ้องนั้นฟังไม่ขึ้น (อ้างฎีกาที่ 1095/2500) ข้อที่จำเลยฎีกาว่า พระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทยพ.ศ. 2456 มาตรา 89 นี้ ให้เจ้าท่าเท่านั้นมีอำนาจบังคับรื้อถอนอาคารของจำเลยได้ ศาลฎีกาเห็นว่า ตามพระราชบัญญัติที่จำเลยอ้างนั้น หาได้ตัดอำนาจโจทก์ที่จะฟ้องร้องจำเลยในทางแพ่งเพื่อบังคับตามสิทธิของโจทก์อันมีอยู่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ไม่ ประเด็นข้อ 2 ที่ว่า คดีนี้เป็นการฟ้องซ้ำกับคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 3425/2504 ของศาลแพ่งหรือไม่นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า คดีแดงที่3425/2504 นั้น ศาลได้วินิจฉัยในประเด็นที่ว่าจำเลยปลูกเรือนอยู่ได้เพราะบิดานายอุไภยโจทก์ให้จำเลยเช่า และโจทก์ได้รับรองการเช่าแล้ว โจทก์ในคดีนั้นจึงไม่มีอำนาจที่จะฟ้องขับไล่จำเลยเพราะจำเลยได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าอันเป็นประเด็นโต้เถียงเกี่ยวกับเรื่องเช่าทรัพย์ ไม่ใช่เรื่องละเมิด ส่วนคดีนี้เป็นคนละเรื่องและคนละประเด็น แม้โจทก์ฟ้องอ้างว่าได้รับซื้อที่ดินโฉนดที่ 3308 จากนางบรรจง โดยนางบรรจงซื้อจากนายอุไภย เป็นโฉนดแบ่งแยกจากโฉนดเลขที่ 2389 คือ ที่ดินที่พิพาทในคดีแดงที่ 3425/2504 ก็ตาม แต่โจทก์ในคดีนี้มิได้เป็นคู่ความกับจำเลยในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 3425/2504 นั้น และจะถือว่าโจทก์เป็นผู้สืบสิทธิมาจากโจทก์ในคดีก่อนก็ไม่ได้ เพราะสัญญาเช่าระหว่างจำเลยกับโจทก์ในคดีก่อน เป็นสัญญาเช่าที่ในแม่น้ำนอกที่ดินที่โจทก์ในคดีนี้ซื้อมา จึงไม่ได้โอนมายังโจทก์พร้อมกับที่ดินที่โจทก์ซื้อ คดีนี้จึงไม่มีประเด็นในเรื่องเช่าทรัพย์ดังในคดีก่อน ประเด็นในคดีนี้คือ โจทก์ให้จำเลยออกไปจากหน้าที่ดิน จำเลยไม่ออก อันเป็นเรื่องละเมิด ฟ้องของโจทก์ไม่เป็นฟ้องซ้ำกับคดีหมายเลขแดงที่ 3425/2504 พิพากษายืน.

Share