แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 มีคำสั่งให้จำเลยนำค่าเสียหายที่ต้องชำระให้แก่โจทก์ทั้งห้าตามคำพิพากษามาวางศาลนั้น มีความหมายชัดแจ้งอยู่ในตัวแล้วว่า ให้จำเลยนำเงินค่าเสียหายมาวางต่อศาล การที่จำเลยนำสลากออมสินพิเศษซึ่งเป็นเพียงหลักประกันมาวาง จึงเป็นการไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 3 คำร้องขอทุเลาการบังคับของจำเลยจึงเป็นอันยกไป แต่อย่างไรก็ตาม การที่จำเลยนำสลากออมสินพิเศษมาวางต่อศาลชั้นต้นตามคำร้องฉบับลงวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2552 นั้น พอถือได้ว่าเป็นการขอวางหลักประกันเพื่อขอให้ศาลชั้นต้นงดการบังคับคดีตาม ป.วิ.พ. มาตรา 231 วรรคสาม ซึ่งจำเลยมีสิทธิที่จะกระทำได้แม้จะไม่ได้ขอทุเลาการบังคับก็ตาม ศาลชั้นต้นจึงชอบที่จะรับหลักประกันที่จำเลยนำมาวางไว้พิจารณาว่าพอที่จะชำระหนี้ตามคำพิพากษารวมทั้งค่าฤชาธรรมเนียมในการฟ้องร้องและการบังคับคดีหรือไม่
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยส่งมอบการครอบครองห้องพักในอาคารเอ็มเอ็นแมนชั่น เลขที่ 15/13 ซอยสรรพสิทธิ์ 10 ถนนสรรพสิทธิ์ ตำบลในเมือง อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี ให้แก่โจทก์ทั้งห้า ห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้อง และให้จำเลยชำระค่าเสียหายแก่โจทก์ทั้งห้าคนละ 4,000 บาท ต่อเดือนนับแต่วันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 14 พฤศจิกายน 2549) เป็นต้นไปจนกว่าจะส่งมอบการครอบครองห้องพักให้แก่โจทก์แต่ละคนจนแล้วเสร็จ จำเลยอุทธรณ์และขอทุเลาการบังคับคดี โจทก์ทั้งห้าคัดค้านการขอทุเลาการบังคับคดี
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 มีคำสั่งว่า ถ้าจำเลยนำค่าเสียหายที่จะต้องชำระให้แก่โจทก์ทั้งห้าตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นนับถึงวันทราบคำสั่งนี้มาวางไว้ต่อศาลชั้นต้นภายในระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด ก็อนุญาตให้ทุเลาการบังคับคดีไว้ในระหว่างอุทธรณ์ สำหรับค่าเสียหายในเดือนต่อ ๆ ไป ให้จำเลยนำมาวางไว้ต่อศาลชั้นต้นเดือนละครั้งภายในวันที่ 20 ของทุกเดือน หากผิดนัดเดือนใด ก็ไม่อนุญาตให้ทุเลาการบังคับคดีอีกต่อไป ศาลชั้นต้นอ่านคำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 3 ให้จำเลยฟัง และมีคำสั่งให้จำเลยนำค่าเสียหายมาวางศาลภายใน 30 วัน และค่าเสียหายในเดือนต่อ ๆ ไปมาวางศาลชั้นต้นเดือนละครั้งภายในวันที่ 20 ของทุกเดือน
จำเลยยื่นคำร้องขอนำสลากออมสินพิเศษจำนวนเงิน 200,000 บาท มาวางศาลเป็นค่าเสียหายในการทุเลาการบังคับคดี ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ศาลอุทธรณ์ภาค 3 มีคำสั่งให้จำเลยนำค่าเสียหายมาวางศาลมิใช่ให้จำเลยนำหลักประกันมาวางศาล จึงไม่รับสลากออมสินและให้คืนไป และอนุญาตให้จำเลยขยายระยะเวลาวางเงินต่อศาลชั้นต้น
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้จำเลยยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้นและยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับในระหว่างอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 3 มีคำสั่งว่า “พิเคราะห์แล้ว ถ้าจำเลยนำค่าเสียหายที่ต้องชำระให้แก่โจทก์ทั้งห้าตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นนับถึงวันทราบคำสั่งนี้มาวางไว้ต่อศาลชั้นต้นภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด ก็อนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ในระหว่างอุทธรณ์ สำหรับค่าเสียหายในเดือนต่อ ๆ ไป ให้จำเลยนำมาวางไว้ต่อศาลชั้นต้นเดือนละครั้งภายในวันที่ 20 ของทุกเดือน หากผิดนัดเดือนใดก็ไม่อนุญาตให้ทุเลาการบังคับอีกต่อไป” ภายหลังจากจำเลยทราบคำสั่งของศาลอุทธรณ์ภาค 3 จำเลยยื่นคำร้องฉบับลงวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2552 ขอวางสลากออมสินพิเศษมีมูลค่าตามสลากรวม 200,000 บาท เป็นหลักประกัน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า “ศาลอุทธรณ์ภาค 3 มีคำสั่งให้จำเลยนำค่าเสียหายมาวางศาล มิใช่ให้จำเลยนำหลักประกันมาวางศาลจึงไม่รับสลากออมสิน และให้คืนไป…”
มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้จำเลยวางหลักประกันเป็นคำสั่งที่ชอบหรือไม่ โดยจำเลยฎีกาว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 231 บัญญัติให้สิทธิคู่ความผู้ขอทุเลาการบังคับที่จะเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งระหว่างนำเงินมาวางต่อศาลชั้นต้นเป็นประกันในการขอทุเลาการบังคับหรือหาหลักประกันมาวาง การนำสลากออมสินพิเศษมาวางเป็นหลักประกันการชำระหนี้ตามคำพิพากษารวมทั้งค่าฤชาธรรมเนียมจึงเป็นสิทธิที่จำเลยพึงกระทำได้การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับหลักประกันของจำเลยจึงเป็นการไม่ชอบ เห็นว่า ตามคำสั่งของศาลอุทธรณ์ภาค 3 ที่สั่งให้จำเลยนำค่าเสียหายที่ต้องชำระให้แก่โจทก์ทั้งห้าตามคำพิพากษามาวางศาล มีความหมายชัดแจ้งอยู่ในตัวแล้วว่า ให้จำเลยนำเงินค่าเสียหายมาวางต่อศาล การที่จำเลยนำสลากออมสินพิเศษซึ่งเป็นเพียงหลักประกันมาวาง จึงเป็นการไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 3 คำร้องขอทุเลาการบังคับของจำเลยจึงเป็นอันยกไป แต่อย่างไรก็ตาม การที่จำเลยนำสลากออมสินพิเศษมาวางต่อศาลชั้นต้นตามคำร้องฉบับลงวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2552 พอถือได้ว่าเป็นการขอวางหลักประกันเพื่อขอให้ศาลชั้นต้นงดการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 231 วรรคสาม ซึ่งจำเลยมีสิทธิที่จะกระทำได้แม้จะไม่ได้ขอทุเลาการบังคับก็ตาม ศาลชั้นต้นจึงชอบที่จะรับหลักประกันที่จำเลยนำมาวางไว้พิจารณาว่าพอที่จะชำระหนี้ตามคำพิพากษารวมทั้งค่าฤชาธรรมเนียมในการฟ้องร้องและการบังคับคดีหรือไม่ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3พิพากษามา ยังไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น
พิพากษากลับให้ศาลชั้นต้นรับหลักประกันที่จำเลยขอวางตามคำร้องฉบับลงวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2552 ไว้พิจารณาแล้วดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้เป็นพับ