แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยจดทะเบียนหย่ากับโจทก์ จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า โจทก์ไม่มีเหตุฟ้องหย่าจำเลย ไม่จำเป็นต้องวินิจฉัย เรื่องอายุความพิพากษากลับให้ยกฟ้อง โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่ามีเหตุที่โจทก์ฟ้องหย่าได้ แต่เมื่อในชั้นอุทธรณ์จำเลยอุทธรณ์ด้วยว่าโจทก์รู้ถึงเหตุที่จะฟ้องหย่าจำเลยเกิน 3 เดือนแล้ว คดีขาดอายุความ ดังนี้ ศาลฎีกาย่อมให้ย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยชี้ขาดในเรื่องอายุความให้ครบประเด็นที่จำเลยอุทธรณ์ ในเมื่อศาลฎีกาเห็นสมควร (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 8/2519)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องใจความว่า โจทก์ได้สมรสกับจำเลยมีบุตรด้วยกัน ๒ คน ระหว่างที่อยู่กินร่วมกัน จำเลยมิได้มีความซื่อสัตย์สุจริตต่อโจทก์และบิดาโจทก์ พยายามที่จะเอาทรัพย์ของโจทก์และบิดาโจทก์เสมอ ได้ทะเลาะกับโจทก์และทุบตีโจทก์ และได้ด่าบิดาโจทก์ว่าคนชาติหมา โจทก์ไม่สามารถจะทนอยู่กับจำเลยได้ต่อไป ขอให้บังคับจำเลยไปจดทะเบียนหย่าขาดจากการเป็นสามีภริยากับโจทก์ และให้บุตรทั้งสองอยู่ในความปกครองของโจทก์ ห้ามจำเลยเกี่ยวข้อง หากจำเลยไม่ปฏิบัติตาม ขอให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลเป็นการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยให้การว่า ไม่เคยคิดจะเอาทรัพย์ของโจทก์หรือบิดาโจทก์ ไม่เคยหมิ่นประมาทโจทก์หรือบุพการีของโจทก์ ไม่ได้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง จำเลยทุบตีโจทก์บ้างก็เพียงเล็กน้อยไม่ถึงบาดเจ็บ คดีโจทก์ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๑๕๐๙ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า คดีไม่ขาดอายุความ จำเลยประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ทำร้ายร่างกายโจทก์ถึงบาดเจ็บ หมิ่นประมาทโจทก์และบุพการีของโจทก์อย่างร้ายแรง พิพากษาให้จำเลยจดทะเบียนหย่าขาดจากการเป็นสามีภริยากับโจทก์ ให้เด็กชายนทีและเด็กชายสกลบุตรทั้งสองอยู่ในความปกครองของโจทก์ ห้ามจำเลยเกี่ยวข้อง หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลเป็นการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ที่โจทก์นำสืบว่า จำเลยได้เขียนหนังสือหมาย จ.๑ ถึงโจทก์กล่าวพาดพิงไปถึงบิดาโจทก์ว่าเป็นคนชาติหมานั้น ข้อความดังกล่าวยังไม่ชัดแจ้งไปว่า จำเลยเขียนด่าบิดาโจทก์ ทั้งข้อความดังกล่าวโจทก์มิได้บรรยายมาในฟ้อง เป็นการสืบนอกฟ้องนอกประเด็นรับฟังไม่ได้ ที่โจทก์กล่าวว่าจำเลยประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงนั้น การที่จำเลยทุบตีโจทก์บ่อยครั้งที่เกิดทะเลาะทุ่มเถียงกันเป็นของธรรมดาในชีวิตของการเป็นสามีภริยากัน และน่าจะเป็นเรื่องทำร้ายโต้ตอบซึ่งกันและกัน จำเลยจะไม่ทำร้ายโจทก์รุนแรงถึงแก่บาดเจ็บ พฤติการณ์ฟังไม่ได้ว่าจำเลยประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยเรื่องอายุความ พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ยกฟ้องโจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยทำร้ายร่างกายโจทก์ได้รับบาดเจ็บจริง จำเลยได้ด่าบิดาของโจทก์ว่าเป็นคนชิงหมาเกิด ซึ่งเป็นการหมิ่นประมาทบิดาโจทก์อย่างร้ายแรง และจำเลยประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง
และวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า แต่อย่างไรก็ดีในชั้นอุทธรณ์จำเลย อุทธรณ์ด้วยว่าโจทก์รู้ถึงเหตุที่จะฟ้องหย่าจำเลยเกินสามเดือนแล้ว คดีขาดอายุความ ซึ่งจำเลยคงจะหมายถึงสิทธิฟ้องร้องระงับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๑๕๐๙ แต่ศาลอุทธรณ์เห็นว่า เมื่อโจทก์ไม่มีเหตุฟ้องหย่าจำเลย แล้วก็ไม่จำเป็นต้องวินิจฉัย เรื่องอายุความแต่อย่างใด แล้วพิพากษาให้ยกฟ้อง ในชั้นฎีกา เมื่อศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์มีเหตุที่จะฟ้องหย่าจำเลยได้ จึงสมควรย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยชี้ขาดในเรื่องอายุความให้ครบประเด็นที่จำเลยอุทธรณ์
พิพากษาว่า ให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยในเรื่องอายุความแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้ศาลอุทธรณ์รวมสั่งในคำพิพากษาใหม่ต่อไป