แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้สั่งจ่ายเช็คไม่มีเงินฝากธนาคาร แต่ออกเช็คโดยใช้แบบพิมพ์เช็คของบุคคลอื่นเมื่อทำเป็นหนังสือตราสารซึ่งมีรายการครบถ้วนบริบูรณ์ตามลักษณะที่บัญญัติไว้ในมาตรา 987, 988 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ย่อมเป็นเช็คโดยชอบหากผู้ทรงนำไปขึ้นเงินจากธนาคารไม่ได้ ผู้สั่งจ่ายและผู้สลักหลังหรือผู้รับประกันด้วยอาวัลย่อมต้องร่วมกันรับผิดต่อผู้ทรง
การที่ผู้ทรงเช็คเคยฟ้องผู้สั่งจ่ายเป็นคดีอาญา แล้วถอนฟ้องเสีย โดยยอมผ่อนเวลาให้ผู้สั่งจ่ายใช้เงินตามเช็คนั้น ไม่เป็นเหตุให้ผู้สลักหลังหรือรับประกันด้วยอาวัลหลุดพ้นจากความรับผิด เพราะต้องร่วมกันรับผิดต่อผู้ทรง
(ปัญหาตามวรรคแรกวินิจฉัยตามแนวคำพิพากษาฎีกาที่ 1017/2507 ซึ่งวินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ สั่งจ่ายเช็ค ๙๐,๐๐๐ บาทให้โจทก์เป็นการชำระหนี้โดยจำเลยที่ ๒ ลงชื่อสลักหลังเช็ครับเป็นอาวัลโจทก์ได้นำเช็คไปขึ้นเงิน แต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน จึงฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงินตามเช็คพร้อมด้วยดอกเบี้ยนับแต่วันที่สั่งจ่าย
จำเลยทั้งสองให้การร่วมกันว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม จำเลยไม่มีหนี้อันจะต้องชำระแก่โจทก์ จำเลยออกเช็คให้โจทก์เพื่อเป็นประกันในการที่โจทก์มอบเช็คและสัญญากู้ให้จำเลยที่ ๑ ทวงถามและฟ้องร้องลูกหนี้ จำเลยที่ ๑ ยังเก็บเงินจากลูกหนี้ไม่ได้ โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้อง
จำเลยที่ ๒ ให้การเพิ่มเติมว่า จำเลยที่ ๑ มิได้เปิดบัญชีฝากเงินไว้กับธนาคาร แต่เอาเช็คของพันตรีอภิวัฒน์มาเขียนสั่งจ่ายเงินให้โจทก์ ซึ่งเป็นการหลอกลวงโจทก์ ชอบที่โจทก์จะฟ้องจำเลยที่ ๑ ฐานละเมิด การที่จำเลยที่ ๒ ลงชื่อในเอกสารเช่นนี้ จะถือว่าเป็นผู้สลักหลังหรือรับอาวัลไม่ได้
ก่อนสืบพยาน จำเลยที่ ๑ ขอถอนคำให้การเดิม โดยไม่ประสงค์จะต่อสู้คดีและไม่ติดใจสืบพยาน
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงินตามเช็คพร้อมด้วยดอกเบี้ยนับแต่วันสั่งจ่ายแก่โจทก์
จำเลยที่ ๒ แต่ผู้เดียวอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๒ ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ ๑ ออกเช็คเพื่อชำระหนี้ให้โจทก์ ข้อที่จำเลยที่ ๒ อ้างว่า โจทก์ได้เช็คมาโดยสมคบกับจำเลยที่ ๑ ทำการฉ้อฉลจำเลยที่ ๒ นั้น ฟังไม่ขึ้น
ข้อที่จำเลยที่ ๒ ฎีกาว่า โจทก์ใช้อุบายให้จำเลยที่ ๑สั่งจ่ายเช็ครายพิพาท ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าจำเลยที่ ๑ ไม่มีเงินฝากธนาคารเลยนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า แม้จำเลยที่ ๑ จะไม่มีเงินฝากในธนาคารทหารไทย และเช็ครายพิพาทสั่งจ่ายโดยใช้แบบพิมพ์เช็คตามบัญชีเงินฝากธนาคารของพันตรีอภิวัฒน์ก็ตาม แต่ก็ทำเป็นหนังสือตราสารซึ่งมีรายการครบถ้วนบริบูรณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๙๘๗, ๙๘๘ ย่อมเป็นเช็คโดยชอบ นายวัลลภ วีระวัฒพันธ์พยานจำเลยซึ่งทำงานในตำแหน่งหัวหน้ากองเงินฝากในธนาคารทหารไทยมา ๘ ปี ก็เบิกความรับว่า เช็ครายพิพาทเป็นเช็คของธนาคารทหารไทยโดยชอบ ข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่า โจทก์ใช้อุบายแต่อย่างใด เมื่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรงนำเช็คไปขึ้นเงินจากธนาคารไม่ได้ ผู้สั่งจ่ายและผู้สลักหลังหรือผู้รับประกันด้วยอาวัลย่อมต้องรับผิดร่วมกันต่อผู้ทรงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๙๑๔ และ ๙๖๗
ข้อที่จำเลยที่ ๒ ฎีกาว่า โจทก์ฟ้องจำเลยที่ ๑ เกี่ยวกับเช็ครายพิพาทเป็นคดีต่อศาลอาญา แล้วถอนฟ้องยอมให้จำเลยที่ ๑ผ่อนชำระเงินตามเช็คจำเลยที่ ๒ ซึ่งเป็นผู้สลักหลังเป็นอาวัลย่อมหลุดพ้นจากความรับผิดนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๙๖๗ บัญญัติให้บุคคลผู้สั่งจ่ายก็ดี ผู้สลักหลังก็ดี ผู้รับประกันด้วยอาวัลก็ดี ย่อมต้องรับผิดร่วมกันต่อผู้ทรง การที่โจทก์ฟ้องจำเลยที่ ๑ แล้วถอนฟ้องเสียหาเป็นเหตุที่จะทำให้จำเลยที่ ๒ พ้นความรับผิดในฐานะเป็นผู้สลักหลังรับอาวัลไม่
พิพากษายืน