คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1851/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

หลักเกณฑ์การตีความพิกัดอัตราศุลกากรตามพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2503 ภาค 1 มีสาระสำคัญว่า ของชนิดใดประกอบด้วยวัตถุหรือสารตั้งแต่หนึ่งชนิดขึ้นไป และเห็นได้ว่าอาจจัดเข้าได้ 2 ประเภทกรณีไม่อาจจัดเข้าในประเภทที่ระบุไว้โดยชัดแจ้ง ให้จัดเข้าในประเภทของวัตถุหรือส่วนควบที่มีลักษณะอันเป็นสาระสำคัญสำหรับของชนิดนั้น เมื่อสายคาดลดไขมันหน้าท้องโดยใช้ไฟฟ้ามีขดลวดไฟฟ้าซึ่งเป็นวัตถุอัน เป็นสาระสำคัญของสินค้าจึงต้องจัดประเภทสินค้านี้ตามขดลวดไฟฟ้า ทั้งไม่มีข้อยกเว้นตามหลักเกณฑ์การตีความพิกัดอัตราศุลกากรให้ จัดสินค้าดังกล่าวเข้าในประเภทของวัตถุที่ไม่ใช่สาระสำคัญ ดังนั้น ที่โจทก์จัดสายคาดลดไขมันหน้าท้องโดยใช้ไฟฟ้าเข้าใน ประเภทที่ 39.07 ตามประเภทวัตถุที่ใช้ทำด้านนอกซึ่งไม่ปรากฏ ว่าเป็นวัตถุส่วนที่เป็นสาระสำคัญ จึงไม่ชอบด้วยหลักเกณฑ์การตีความพิกัดอัตราศุลกากร

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินอากรที่ขาดและเงินเพิ่มให้โจทก์จำนวน 4,589.68 บาท จำเลยทั้งสองให้การและฟ้องแย้งว่าจำเลยไม่ต้องรับผิดตามฟ้องเนื่องจากจำเลยมิได้มีเจตนาเลี่ยงหรือพยายามเลี่ยงอากรขาเข้า การที่โจทก์ตีความว่าสินค้าของจำเลยอยู่ในพิกัดที่ 39.07 เป็นการขัดกับหลักเกณฑ์การตีความพิกัดอัตราศุลกากร ข้อ 5 ขอให้ยกฟ้อง และเนื่องจากจำเลยต้องชำระอากรตามพิกัด 90.18 บี โจทก์จึงมีหน้าที่ต้องคืนเงินประกัน 2,000 บาท ให้จำเลยพร้อมดอกเบี้ย จึงขอให้ศาลบังคับให้โจทก์คืนเงินดังกล่าวแก่จำเลย โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า สินค้าตามฟ้องจัดอยู่ในพิกัด 39.07 จำเลยต้องชำระอากรเพิ่มตามฟ้อง และไม่มีอำนาจที่จะเรียกเงินประกันคืนจากโจทก์ศาลภาษีอากรกลางพิพากษายกฟ้อง ให้โจทก์คืนเงินประกัน 2,000บาท แก่จำเลยที่ 1 พร้อมดอกเบี้ย โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังยุติว่าจำเลยที่ 1 นำสินค้าสายคาดลดไขมันหน้าท้องโดยใช้ไฟฟ้าหรือเข็มขัดปรับอุณหภูมิ มีลักษณะเป็นแถบทำด้วยพลาสติก ยาวประมาณ43 นิ้วครึ่ง กว้าง 10 นิ้ว ตอนปลายมีสายและห่วงสำหรับผูกติดตรงกลางมีปลั๊กสำหรับต่อสายไฟฟ้าเข้าภายในประกอบด้วยขดลวดไฟฟ้าตามแคตตาล็อกอธิบายวิธีใช้ว่า ให้นำไปพันตรงบริเวณที่ต้องการลดไขมัน เช่น เอวหรือสะโพก เป็นต้น ความร้อนจากขดลวดจะช่วยลดไขมันได้ เข้ามาในราชอาณาจักร โดยสำแดงพิกัดอัตราอากรและค่าภาษีอากรที่ต้องชำระตามพิกัด 90.18 บี ซึ่งหมายถึงเครื่องนวดพนักงานเจ้าหน้าที่ของโจทก์เห็นว่ามีปัญหาทางพิกัดของสินค้าจึงเรียกเงินประกันไว้ ก่อนปล่อยสินค้าให้จำเลยที่ 1 รับไปต่อมาคณะกรรมการพิจารณาปัญหาพิกัดอัตราศุลกากรของโจทก์พิจารณาสินค้าข้างต้นแล้ว เห็นว่า แม้ขดลวดไฟฟ้าจะเป็นสาระสำคัญของสินค้ารายนี้ แต่โดยเหตุที่หมายเหตุ 1(ก) ของตอนที่ 85 ระบุว่าตอนนี้ไม่คลุมถึง “ผ้าห่มนอน ฯลฯ และของอย่างอื่นสำหรับสวมหรือห่อหุ้มร่างกายชนิดที่ทำให้อบอุ่นด้วยไฟฟ้า” สินค้าของจำเลยที่ 1 ใช้ประโยชน์โดยการพันหรือห่อหุ้มร่างกาย มีลักษณะเป็นของต้องห้ามตามหมายเหตุดังกล่าวโดยชัดแจ้ง จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ให้จัดเข้าประเภทที่ 39.07 ตามประเภทของวัตถุที่ใช้ทำด้านนอกมีปัญหาว่าการจัดสินค้าตามฟ้องเข้าประเภทดังกล่าวชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรพิเคราะห์หลักเกณฑ์การตีความพิกัดอัตราศุลกากรตามพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากรพ.ศ. 2503 ภาค 1 แล้วมีสาระสำคัญว่า ของชนิดใดประกอบด้วยวัตถุหรือสารตั้งแต่หนึ่งชนิดขึ้นไปและเห็นได้ว่าอาจจัดเข้าได้2 ประเภท กรณีที่ไม่อาจจัดเข้าในประเภทที่ระบุไว้โดยชัดแจ้งให้จัดเข้าในประเภทของวัตถุหรือส่วนควบที่มีลักษณะอันเป็นสาระสำคัญสำหรับของชนิดนั้น เมื่อสายคาดลดไขมันหน้าท้องโดยใช้ไฟฟ้ามีขดลวดไฟฟ้าเป็นสาระสำคัญดังที่กล่าวมาแล้ว การจัดประเภทสินค้าชนิดนี้ต้องจัดตามขดลวดไฟฟ้าซึ่งเป็นวัตถุอันเป็นสาระสำคัญของสินค้าไม่มีข้อยกเว้นตามหลักเกณฑ์การตีความพิกัดอัตราศุลกากรให้จัดสินค้าเข้าในประเภทของวัตถุที่ไม่ใช่สาระสำคัญ ดังนั้น ที่โจทก์จัดสายคาดลดไขมันหน้าท้องโดยใช้ไฟฟ้าเข้าในประเภทที่ 39.07ตามประเภทวัตถุที่ใช้ทำด้านนอกซึ่งไม่ปรากฏว่าเป็นวัตถุส่วนที่เป็นสาระสำคัญ จึงไม่ชอบด้วยหลักเกณฑ์การตีความพิกัดอัตราศุลกากรข้างต้น ที่ศาลภาษีอากรกลางเห็นว่าการประเมินของโจทก์ไม่ชอบศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรเห็นพ้องด้วย อุทธรณ์โจทก์ในปัญหานี้ฟังไม่ขึ้น
ส่วนอุทธรณ์ของโจทก์ที่ขอให้ยกฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสองนั้นศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรเห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงไม่ได้ความว่าสินค้าตามที่จำเลยที่ 1 นำเข้า เป็นสินค้าในประเภทพิกัด 90.18 บีตามที่จำเลยทั้งสองฟ้องแย้งแล้ว กรณีจึงถือไม่ได้ว่า อากรเท่าที่จำเลยที่ 1 ชำระไปแล้วเป็นการถูกต้อง โจทก์ย่อมมีอำนาจยึดเงินประกันไว้ต่อไปได้ ที่ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาให้โจทก์คืนเงินประกันให้จำเลยที่ 1 ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรไม่เห็นพ้องด้วยอุทธรณ์โจทก์ข้อนี้ฟังขึ้น”
พิพากษาแก้เป็นว่า ฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสองให้ยก นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลภาษีอากรกลาง

Share