แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยยิงผู้ตายหนึ่งนัด กระสุนปืนถูกผู้ตายหลายแห่ง แล้วยังไปถูกน่องของ ช. ซึ่งอยู่ในที่เกิดเหตุด้วย ดังนี้ ถือว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288,80,60 อีกด้วย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำความผิดหลายบทหลายกระทง กล่าวคือ
ก. มีปืนลูกซองพก และลูกกระสุนไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต
ข.จำเลยกับพวกอีกคนหนึ่งซึ่งหลบหนีได้ร่วมกันใช้อาวุธปืนและสุนปืนดังกล่าวยิงนายสมศักดิ์หรือโต๊ะ แก้วจรูญ และนายสมชาย หรือหมั่น แสงประเสริฐ หลายนัดโดยเจตนาฆ่าคนทั้งสอง โดยไตร่ตรองไว้ก่อน กระสุนปืนที่จำเลยกับพวกยิงนั้น ถูกร่างกายของนายสมศักดิ์หรือโต๊ะถึงแก่ความตายในวันรุ่งขึ้น และถูกนายสมชายหรือหมั่นอาการสาหัส และกระสุนปืนได้พลาดไปถูกร่างกายนายชาญ ชวนะเวศ ได้รับอันตรายแก่กาย จึงถือว่าจำเลยกับพวกได้กระทำโดยเจตนาฆ่านายชาญด้วย
ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๘๙,๒๘๘,๘๓,๒๘๙,๒๘๘,๘๐,๘๓,๒๘๘,๘๐,๘๓,๖๐,๓๓,๓๒ พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา๗,๗๒ พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ.๒๕๑๐ มาตรา ๓ และสั่งริบของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามฟ้อง แต่ให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๙ ซึ่งเป็นกระทงที่หนักที่สุด ให้วางโทษประหารชีวิต แต่จำเลยให้การรับสารภาพโดยดีตั้งแต่ชั้นจับกุมจนชั้นศาล และรูปคดีมีเหตุควรเชื่อว่าพวกผู้ตายเคยรังแกจำเลยมาก่อน จึงมีเหตุควรปรานีลดโทษให้ตามมาตรา ๗๘ และ ๕๒ กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยยี่สิบปีของกลางริบ
จำเลยอุทธรณ์ขอให้ลงโทษในสถานเบา
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้น เป็นว่า จำเลยมีความผิดฐานฆ่าคนและพยายามฆ่าคนโดยเจตนาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, และ ๒๘๘,๘๐ และพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ.๒๔๙๐ มาตรา ๗,๗๒ พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ.๒๕๑๐ มาตรา ๓ แต่ให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๘๘ ซึ่งเป็นกระทงหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๗๘ ประกอบกับมาตรา ๕๒ คงจำคุกจำเลย ๑๕ ปี ของกลางริบ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า พยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้ฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน แต่กระสุนปืนที่จำเลยยิงผู้ตายนี้ได้ถูกที่น่องซ้ายของนายชาญ ชวนะเวศ ที่อยู่ในร้านนั้นด้วย ศาลอุทธรณ์ไม่ได้ปรับบทลงโทษที่จำเลยยิงผู้ตายและกระสุนปืนยังได้ถูกนายชาญ ชวนะเวศ ได้รับอันตรายแก่กาย ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๘๘,๘๓,๘๐,๖๐ ด้วยนั้น ยังไม่ถูกต้อง และโทษที่ศาลอุทธรณ์ลงแก่จำเลยนั้นเบาไป เพราะจำเลยยิงคนตายคนหนึ่งแล้วยังไล่ยิ่งอีกคนหนึ่งจนได้รับบาดเจ็บเป็นการกระทำที่อุกอาจ
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ และมาตรา ๒๘๘,๘๐,๖๐ กระทงหนึ่ง มาตรา ๒๘๘,๘๓,๘๐ กระทงหนึ่ง และตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ดังที่ศาลอุทธรณ์อ้างอีกกระทงหนึ่งให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ ซึ่งเป็นบทและกระทงที่หนักที่สุดกระทงเดียวตามมาตรา ๙๐,๙๑ วางโทษประหารชีวิตจำเลย จำเลยรับสารภาพโดยดี มีประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ กึ่งหนึ่งให้จำคุกจำเลย ๒๐ ปี ของกลางริบ