คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1846/2519

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เขาสัตว์ป่าของกลางที่จับได้จากจำเลย แม้จะเป็นเขาสัตว์ป่าที่จำเลยนำไปติดกับรูปหัวสัตว์ซึ่งประดิษฐ์ด้วยไม้สักทำเป็นเครื่องประดับแล้วก็ตาม ก็ยังมีสภาพเป็นเขาสัตว์อยู่เช่นเดิมมิได้เปลี่ยนสภาพเป็นวัตถุอย่างอื่นจึงเป็นซากของสัตว์ป่าตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 228 ข้อ 1
จำเลยมีเขากวาง 3 คู่ เขากระทิง 1 คู่ เขาวัวแดง 1 คู่ อันเป็นซากของสัตว์ป่าคุ้มครองชนิดที่ห้ามมิให้ผู้ใดค้าหรือมีไว้ในครอบครอง กับมีเขาละมั่ง 3 คู่เขาเลียงผา 1 คู่ อันเป็นซากของสัตว์ป่าสงวน ซึ่งมิได้อยู่ในข้อยกเว้นตามกฎหมายให้มีได้ไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียว เป็นความผิดกฎหมายหลายบท

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีเขากวาง 3 คู่ เขากระทิง 1 คู่ เขาวัวแดง 1 คู่ อันเป็นซากของสัตว์ป่าคุ้มครองชนิดที่ห้ามมิให้ผู้ใดค้าหรือมีไว้ในครอบครองตามที่กำหนดไว้ในบัญชีท้ายกฎกระทรวง ฯ กับมีเขาละมั่ง 3 คู่ เขาเลียงผา1 คู่ อันเป็นซากของสัตว์ป่าสงวน ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2503 ซึ่งมิได้อยู่ในข้อยกเว้นตามกฎหมายให้มีได้ไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต เจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมเขาดังกล่าว และไม้สักที่จำเลยประดิษฐ์เป็นหัวสัตว์ป่านั้น ๆ ซึ่งทำติดอยู่กับเขาสัตว์เป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2503 มาตรา 14, 16, 38, 40 ฯลฯ และสั่งริบของกลาง

จำเลยให้การรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า เขาสัตว์ป่าของกลางซึ่งจำเลยทำติดอยู่กับไม้สักที่ประดิษฐ์เป็นหัวสัตว์เหล่านั้น เป็นของใช้ซึ่งมีลักษณะเป็นเครื่องประดับพ้นสภาพจากการเป็นซากสัตว์ป่าแล้ว พิพากษายกฟ้อง คืนของกลางแก่เจ้าของ

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ว่าจำเลยมีความผิดตามฟ้อง ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2503 มาตรา 38ซึ่งเป็นบทหนักที่สุด ลดรับสารภาพกึ่งหนึ่งแล้ว คงจำคุก 2 เดือน ของกลางริบ

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ซากของสัตว์ป่าตามบทนิยามในประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับ 228 ข้อ 1 หมายความรวมถึง เขา หนัง ฯลฯ ของสัตว์ป่าด้วยฉะนั้น เขาสัตว์ป่าของกลาง แม้จำเลยจะนำไปติดกับรูปหัวสัตว์ซึ่งประดิษฐ์ด้วยไม้สัก ทำเป็นเครื่องประดับก็ยังมีสภาพเป็นเขาอยู่เช่นเดิม มิได้เปลี่ยนสภาพเป็นวัตถุอย่างอื่น จึงเป็นซากของสัตว์ป่าตามบทนิยามดังกล่าวอยู่นั่นเอง เมื่อจำเลยมีไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตและไม่อยู่ในข้อยกเว้นตามกฎหมายให้มีได้ ย่อมเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2503 มาตรา 14, 16, 38, 40 ฯลฯโดยลงโทษตามมาตรา 38 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด ดังคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ฯ ส่วนไม้สักที่จำเลยประดิษฐ์เป็นหัวสัตว์นั้นไม่มีกฎหมายบัญญัติให้ริบ

พิพากษาแก้ ให้รอการลงโทษจำเลยไว้ 1 ปี ริบของกลางเฉพาะเขานอกนั้นคืนจำเลย

Share