คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1838/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ภายหลังเจ้ามรดกตายเกิน 1 ปีแล้ว ผู้ปกครองของผู้เยาว์ผู้รับมรดกได้ยินยอมตกลงปฏิบัติตามสัญญาจะขายที่ดินที่ผู้ตายเจ้ามรดกได้ทำไว้ เรียกได้ว่าเป็นการรับสภาพต่อเจ้าหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา188 วรรคท้าย กรณีเช่นนี้ หาใช่เป็นการทำนิติกรรมขายที่ดินมรดกขึ้นใหม่อันจะต้องขออนุญาตต่อศาลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1546 ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อ พ.ศ. 2499 นายเคลิ้มบิดาจำเลยทำสัญญาจะขายที่ดินเฉพาะส่วนของตนตามโฉนดที่ 4992 เนื้อที่ 25 ไร่ 2 งาน ราคา 20,000 บาท ชำระเงินในวันทำสัญญา 5,000 บาท เมื่อปลาย พ.ศ. 2500 โจทก์ชำระเงินอีก 5,000 บาท นายเคลิ้มจัดให้โจทก์เข้าครอบครองทำนาตั้งแต่ พ.ศ. 2501 ตลอดมา ปลาย พ.ศ. 2501 นายเคลิ้มตายจำเลยรับมรดกที่ดินดังกล่าว ศาลมีคำสั่งตั้งให้นายโชติเป็นผู้ปกครองจำเลย ปลาย พ.ศ. 2503 หรือต้น พ.ศ. 2504 โจทก์ตกลงกับนายโชติว่าจะชำระเงินสิ้นเชิงในวันไถ่ถอนจำนองพร้อมกับโอนกรรมสิทธิ์ให้โจทก์ นายโชติรับเงินไปจากโจทก์อีก 1,000 บาท อันเป็นการรับสภาพหนี้ตามสัญญาจะซื้อขาย แต่จำเลยทำผิดสัญญา ได้โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้แก่นายเงินเสีย จึงขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยคืนเงิน 11,000 บาทกับดอกเบี้ย

จำเลยให้การปฏิเสธ และว่าโจทก์ฟ้องหลังจากบิดาตายเกิน 1 ปีคดีขาดอายุความ

ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า นายเคลิ้มบิดาจำเลยได้ทำสัญญาจะขายที่พิพาทให้โจทก์เป็นเงิน 20,000 บาท ได้รับเงินราคาที่ดินไว้แล้ว 10,000 บาท นายเคลิ้มยอมให้โจทก์เข้าทำนาพิพาทตั้งแต่ พ.ศ. 2501ต่อมาเดือนธันวาคม 2501 นายเคลิ้มตาย จำเลยเป็นผู้รับมรดกและศาลมีคำสั่งตั้งนายโชติเป็นผู้ปกครอง นายโชติพูดขอเงินโจทก์อีก 10,000 บาท เพื่อโอนมาให้โจทก์ตามสัญญา แต่โจทก์ขอให้โอนกรรมสิทธิ์กันเสียก่อนจึงจะจ่ายเงิน นายโชติได้รับเงินไปจากโจทก์ 1,000 บาท เพื่อจัดการไถ่ถอนที่นาพิพาทจากการจำนองแล้วจะโอนให้โจทก์ และวินิจฉัยว่าผู้ปกครองจำเลยรับเงินจากโจทก์โดยรับรองจะปฏิบัติตามสัญญาต่อไป เป็นกรณีที่มิได้รับอนุญาตจากศาลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1546 ไม่ถือว่าเป็นการรับสภาพหนี้อันจะผูกพันจำเลย โจทก์มิได้ฟ้องเรียกเงินคืนภายใน1 ปี นับแต่นายเคลิ้มตาย คดีขาดอายุความ พิพากษายกฟ้องโจทก์

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าคดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ พิพากษากลับให้จำเลยคืนเงินแก่โจทก์ตามฟ้อง

จำเลยฎีกาว่าคดีของโจทก์ขาดอายุความ

ศาลฎีกาเห็นว่า นายเคลิ้มผู้ตายได้ตกลงทำสัญญาจะขายที่ดินให้แก่โจทก์และโจทก์ได้ชำระราคาไปบางส่วนแล้ว ผู้ตายยังได้มอบที่ดินให้โจทก์ครอบครองทำนาด้วย เมื่อนายเคลิ้มตายนายโชติเป็นผู้ปกครองเด็กชายชาญจำเลยตามคำสั่งศาลก็ยังรับรองจะขายที่ดินรายนี้ให้แก่โจทก์ เป็นการตกลงยอมรับปฏิบัติตามสัญญาซึ่งผู้ตายได้ทำไว้กับโจทก์ และได้ยอมให้โจทก์ครอบครองทำนาตลอดมา การที่นายโชติในฐานะผู้ปกครองกระทำเช่นนี้ มิใช่เป็นการทำนิติกรรมขายที่ดินมรดกขึ้นใหม่อันจะต้องขออนุญาตต่อศาลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1546 เพราะเป็นเรื่องที่ผู้ตายตกลงทำสัญญาขายให้แก่โจทก์ไว้ก่อนแล้ว และนายโชติในฐานะผู้ปกครองจำเลยผู้รับมรดกได้ยินยอมตกลงปฏิบัติตามสัญญาที่ผู้ตายซึ่งเป็นเจ้ามรดกได้ทำไว้นั่นเองเรียกได้ว่าจำเลยได้รับสภาพต่อโจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 188 วรรคท้ายคดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ

พิพากษายืน

Share