คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1836/2534

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยใช้มีดปลายแหลมยาวประมาณ 1 คืบ แทงถูกผู้เสียหายทะลุหน้าท้องถึงตับทำให้ตับฉีกขาดยาว 2 เซนติเมตร ลึก 1 เซนติเมตรและทะลุอกด้านขวาถูกเนื้อปอดฉีกขาด ทำให้ลมรั่วเข้าช่องปอดเห็นได้ว่าจำเลยแทงผู้เสียหายอย่างแรงถูกอวัยวะสำคัญของร่างกายหลายแห่ง แพทย์ผู้ตรวจบาดแผลให้การในชั้นสอบสวนว่าบาดแผลของผู้เสียหายดังกล่าวหากรักษาไม่ทันจะทำให้ถึงตาย ได้เนื่องจากโลหิตตก ในช่องท้องและลมรั่วเข้าช่องปอด พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย เมื่อผู้เสียหายไม่ตายจำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา288, 80
จำเลยให้การยอมรับว่า ได้ใช้ไม้ทำร้ายผู้เสียหาย แต่กระทำไปเพื่อป้องกันตัวเนื่องจากผู้เสียหายได้ทำร้ายจำเลยก่อน
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295 จำคุก 6 เดือน
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80 จำคุก 10 ปี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยไม่ได้ใช้มีดแทงผู้เสียหายเพียงแต่ใช้ไม้กระแทกไปนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า แม้โจทก์มีผู้เสียหายเป็นประจักษ์พยานเพียงปากเดียวเบิกความยืนยันว่าจำเลยใช้มีดแทงผู้เสียหาย แต่เมื่อถูกแทงแล้วผู้เสียหายได้ไปแจ้งความต่อเจ้าพนักงานตำรวจท้องที่ โดยมีเพื่อนบ้านพาขึ้นรถยนต์กระบะไป ร้อยตำรวจโทมาโนช คงขวัญพนักงานสอบสวนผู้รับแจ้งความเบิกความว่าผู้เสียหายขึ้นไปแจ้งความบนสถานีตำรวจไม่ได้ ร้อยตำรวจโทมาโนชจึงไปสอบถามผู้เสียหายที่รถได้ความว่าผู้เสียหายถูกจำเลยใช้มีดแทน วันรุ่งขึ้นร้อยตำรวจโทมาโนช สอบปากคำผู้เสียหายในฐานะผู้กล่าวหาผู้เสียหายยืนยันว่าถูกจำเลยใช้มีดแทง บันทึกการตรวจสถานที่เกิดเหตุ บันทึกการจับกุมและบันทึกคำร้องทุกข์หรือคำกล่าวโทษซึ่งพนักงานสอบสวนได้ทำขึ้นในวันรุ่งขึ้นจากวันเกิดเหตุก็ระบุว่าผู้เสียหายถูกจำเลยใช้มีดแทง การที่ผู้เสียหายแจ้งต่อพนักงานสอบสวนเกือบจะทันทีหลังเกิดเหตุและภายหลังเกิดเหตุ 1 วัน พนักงานสอบสวยได้ทำเอกสารต่าง ๆ ดังกล่าวมาระบุว่าผู้เสียหายถูกจำเลยใช้มีดแทงเป็นการแจ้งความและทำหลักฐานขึ้นในเวลากระชั้นชิดกับเวลาที่เกตุเหตุ น่าเชื่อว่าผู้เสียหายได้แจ้งความต่อพนักงานสอบสวนไปตามความเป็นจริงนอกจากนี้ ตามรายงานผลการตรวจชันสูตรบาดแผลของแพทย์ท้ายฟ้องซึ่งจำเลยยอมรับว่าผู้เสียหายได้รับบาดแผลตามรายงานดังกล่าวจริง ปรากฏบาดแผลสำคัญ 2 แห่งที่ผู้เสียหายได้รับคือบาดแผลทะลุหน้าท้องถึงตับ ทำให้ตับฉีกขาดยาว 2 เซนติเมตรลึก1 เซนติเมตร และบาดแผลทะลุอกด้านขวาถูกเนื้อปอดฉีกขาด ทำให้ลมรั่วเข้าช่องปอด บาดแผลทั้งสองแห่งนี้แพทย์ระบุว่าเป็นบาดแผลถูกแทงด้วยมีด และนายแพทย์สมศักดิ์ วิทยะเสถียรกุล ผู้ตรวจชันสูตรบาดแผลของผู้เสียหายให้การในชั้นสอบสวนว่าบาดแผลมีลักษณะถูกของมีคมลักษณะเป็นมีด นอกจากแพทย์จะให้ความเห็นว่าบาดแผลมีลักษณะถูกมีดแทงแล้ว บาดแผลของผู้เสียหาย 2 แห่ง ดังกล่าว เป็นบาดแผลที่ถูกแทงเข้าไปลึกทะลุหน้าท้องถึงตับ ทำให้ตับฉีกขาดและทะลุอกด้านขวาถูกเนื้อปอดฉีกขาดบาดแผลเช่นนี้น่าจะเกิดจากถูกมีดปลายแหลมทอง ไม่ใช่ถูกจำเลยใช้ไม้ไผ่กระแทกตามที่จำเลยฎีกาเพราะหากถูกไม้ไผ่กระแทก บาดแผลคงไม่ทะลุถึงอวัยวะสำคัญดังกล่าวข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่าจำเลยใช้มีดแทงผู้เสียหายทะลุหน้าท้องถึงตับและทะลุอกด้านขวาถูกเนื้อปอดฉีกขาด ปัญหาต่อไปมีว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายหรือไม่ ข้อนี้ได้ความจากคำเบิกความและคำให้การในชั้นสอบสวนของผู้เสียหายว่ามีดที่จำเลยใช้แทงเป็นมีดปลายแหลมยาวประมาณ 1 คืบ ผู้เสียหายถูกแทงทะลุหน้าท้องถึงตับ ทำให้ตับฉีกขาดยาว 2 เซนติเมตร ลึก 1 เซนติเมตร และทะลุอกด้านขวาถูกเนื้อปอดฉีกขาดทำให้ลมรั่วเข้าช่องปอด เห็นได้ว่าจำเลยแทงผู้เสียหายอย่างแรง ถูกอวัยวะที่สำคัญของร่างกายหลายแห่ง นายแพย์สมศักดิ์ผู้ตรวจบาดแผลให้การในชั้นสอบสวนว่าบาดแผลของผู้เสียหายดังกล่าวหากรักษาไม่ทันจะทำให้ถึงตายได้ เนื่องจากโลหิตตกในช่องท้องและลมรั่วเข้าช่องปอด พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายเมื่อผู้เสียหายไม่ตาย จำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น…”
พิพากษายืน.

Share