แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าในช่วงเวลาที่มีการโอนขายรถยนต์พิพาทส.ป่วยมากทั้งทางร่างกายและจิตใจ แต่ก็ปรากฏในคำขอโอนทะเบียนรถยนต์ว่า ส.ลงชื่อในช่องผู้โอนในเอกสารดังกล่าวโดยวิธีลงลายมือชื่อ แสดงว่าขณะที่ ส.โอนขายรถยนต์พิพาทให้แก่จำเลยทั้งสองนั้น ส.มิได้ขาดเจตนาในการทำนิติกรรมเสียเลย แต่การกระทำโดยมีเจตนาบกพร่อง เนื่องจากขณะนั้น ส.มีสติสัมปชัญญะไม่สมบูรณ์ซึ่งจำเลยทั้งสองในฐานะที่เป็นญาติสนิทย่อมต้องทราบดี นิติกรรมโอนขายรถยนต์พิพาท จึงตกเป็นโมฆียะ โจทก์ในฐานะทายาทย่อมมีสิทธิบอกล่างโมฆียกรรมดังกล่าว และการที่โจทก์ฟ้องคดี ถือได้ว่าเป็นการบอกล้างตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 143 แล้วนิติกรรมโอนขายรถยนต์พิพาทจึงตกเป็นโมฆะมาแต่แรก.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของนายสมศักดิ์ไสยวงศ์ จำเลยที่ 1 เป็นน้องสาวร่วมบิดามารดาเดียวกันกับนายสมศักดิ์ จำเลยที่ 2 เป็นสามีของจำเลยที่ 1 นายสมศักดิ์ป่วยด้วยโรคพิษสุราเรื้อรังตั้งแต่ต้นปี 2526 ต้องเข้ารักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลลำปางเป็นประจำ โดยมีอาการปราศจากสติสัมปชัญญะ หลงใหลฟั่นเฟือน ขาดความรู้สึกผิดชอบในตัวเอง ได้เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2527 นายสมศักดิ์ได้ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2527 เมื่อปี 2524 โจทก์กับนายสมศักดิ์ได้ร่วมกันซื้อรถยนต์เก๋งส่วนบุคคล ยี่ห้อมาสด้า หมายเลขทะเบียนก-2316 ลำปาง เนื่องจากนายสมศักดิ์เป็นหัวหน้าครอบครัวจึงให้ใส่ชื่อนายสมศักดิ์เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในรถยนต์แต่ผู้เดียว เมื่อวันที่25 มกราคม 2527 ในขณะนายสมศักดิ์ป่วยด้วยโรคดังกล่าวข้างต้น จำเลยที่ 1 อาศัยความใกล้ชิดในฐานะเป็นน้องสาวร่วมบิดามารดากับนายสมศักดิ์ ได้ร่วมกับจำเลยที่ 2 ใช้เพทุบายหลอกลวงด้วยกลวิธีต่าง ๆให้นายสมศักดิ์ลงชื่อยื่นคำร้องต่อนายทะเบียนยานพาหนะจังหวัดลำปางแจ้งโอนและรับโอนรถยนต์เก๋งของโจทก์และนายสมศักดิ์ โดยขายให้จำเลยที่ 2 ในราคา 130,000 บาท ซึ่งความจริงไม่มีการซื้อขายรถยนต์และและรับเงินกันดังกล่าว นายสมศักดิ์กระทำโดยปราศจากความรับผิดชอบในตัวเอง เนื่องจากโรคพิษสุราเรื้อรังและโจทก์ไม่ได้รู้เห็นยินยอมด้วย ทั้งไม่ได้ยินยอมให้ซื้อขาย ขอให้ศาลพิพากษาเพิกถอนการซื้อขายการโอนทะเบียนรถยนต์เก๋งส่วนบุคคล ยี่ห้อมาสด้า หมายเลขทะเบียนก-2316 ลำปาง และให้รถยนต์ดังกล่าวกลับมาเป็นกองมรดกของนายสมศักดิ์เพื่อแบ่งให้ทายาทต่อไป
จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยทั้งสองไม่ได้หลอกลวงให้นายสมศักดิ์ขายรถยนต์พิพาทให้จำเลยที่ 2 ความจริงนายสมศักดิ์ได้ขายรถยนต์คันพิพาทให้จำเลยที่ 2 โดยสมัครใจและกระทำในขณะมีสติเป็นปกติดีทุกประการ และได้รับความยินยอมจากโจทก์แล้วจำเลยที่ 2 ได้ชำระราคารถยนต์จำนวน 130,000 บาท ให้นายสมศักดิ์และนายสมศักดิ์ได้ส่งมอบรถยนต์ให้จำเลยที่ 2 ในวันที่ซื้อขายขอให้ศาลพิพากษายกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้เพิกถอนการโอนทะเบียนรถยนต์ยี่ห้อมาสด้าหมายเลขทะเบียน ก-2316 ลำปาง ลงวันที่ 25มกราคม 2527 ระหว่างนายสมศักดิ์ ไสยวงศ์ กับนายกิตติพงษ์ มีมงคลและให้รถยนต์คันดังกล่าวกลับมาเป็นกองมรดกของนายสมศักดิ์ ไสยวงศ์
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่า โจทก์กับนายสมศักดิ์เป็นสามีภริยากันโดยชอบด้วยกฎหมาย โดยสมรสกันเมื่อปี 2512 ต่อมาเมื่อปี 2524 โจทก์กับนายสมศักดิ์ได้ซื้อรถยนต์คันพิพาท จำเลยที่ 1 เป็นน้องสาวร่วมบิดามารดากับนายสมศักดิ์จำเลยที่ 2 เป็นสามีของจำเลยที่ 1 นายสมศักดิ์ได้จดทะเบียนโอนขายรถยนต์คันพิพาทให้จำเลยที่ 2 เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2527คดีมีประเด็นในชั้นนี้ว่า การซื้อขายรถยนต์ดังกล่าวได้กระทำโดยสุจริต โดยนายสมศักดิ์ผู้ขายมีสติสมบูรณ์หรือไม่ ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า เมื่อปลายปี 2526 ตลอดมาจนถึงต้นปี 2527นายสมศักดิ์ป่วยด้วยโรคพิษสุราเรื้อรังและตับแข็ง ซึ่งมีผลต่อระบบประสาทและมีอาการทางจิตแล้ววินิจฉัยข้อกฎหมายว่า แม้ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าในช่วงเวลาที่มีการโอนขายรถยนต์พิพาทนายสมศักดิ์อยู่ในภาวะป่วยมากทั้งทางร่างกายและจิตใจ ก็ปรากฏในคำขอโอนทะเบียนรถยนต์ เอกสารหมาย จ.4 ว่า นายสมศักดิ์ลงชื่อในช่องผู้โอนในเอกสารดังกล่าวโดยวิธีลงลายมือชื่อ แสดงว่าขณะที่นายสมศักดิ์โอนขายรถยนต์พิพาทให้แก่จำเลยทั้งสองนั้น นายสมศักดิ์มิได้ขาดเจตนาในการกระทำนิติกรรมเสียเลยแต่กระทำโดยมีเจตนาบกพร่องเนื่องจากขณะนั้นนายสมศักดิ์มีสติสัมปชัญญะไม่สมบูรณ์ ซึ่งจำเลยทั้งสองในฐานะที่เป็นญาติสนิทย่อมต้องทราบดีอยู่แล้ว นิติกรรมโอนขายรถยนต์พิพาทจึงตกเป็นโมฆียะ โจทก์ในฐานะทายาทย่อมมีสิทธิบอกล้างโมฆียกรรมดังกล่าว และการที่โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่15 มิถุนายน 2527 ถือได้ว่าเป็นการบอกล้างภายใน 1 ปี นับแต่เวลาที่อาจให้สัตยาบันได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 143แล้ว นิติกรรมโอนขายรถยนต์พิพาทจึงตกเป็นโมฆะมาแต่แรก
พิพากษายืน.