คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1834/2524

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ความผิดฐานแปรรูปไม้และมีไม้แปรรูปไว้ในความครอบครองในเขตควบคุมการแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาตนั้น เขตการควบคุมแปรรูปไม้เป็นข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบความผิดซึ่งโจทก์จะต้องบรรยายมาในฟ้อง เมื่อคำฟ้องโจทก์ไม่ได้ระบุว่าที่เกิดเหตุที่จำเลยแปรรูปไม้และมีไม้แปรรูปไว้ในความครอบครองนั้นอยู่ในเขตควบคุมการแปรรูปไม้ จึงเป็นคำฟ้องที่ไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 84, 73 แก้ไขเพิ่มเติมตามพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่6) พ.ศ. 2522 มาตรา 7 จำคุก 2 ปี และมีความผิดฐานมีไม้หลุมพอซึ่งเป็นไม้หวงห้ามยังมิได้แปรรูปไว้ในความครอบครองโดยไม่มีรอยตราค่าภาคหลวง ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 69 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2522 มาตรา 3 จำคุก 1 ปี และมีความผิดฐานมีไม้กะบากแปรรูปไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 48, 73 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2522 มาตรา 7 จำคุก 7 ปี การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียว ผิดกฎหมายหลายบทเรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 เป็นจำคุก 5 ปี ส่วนข้อหาอื่นให้ยกเสียริบของกลาง สินบนนำจับคดีนี้ศาลพิพากษาจำคุกไม่มีโทษปรับ ไม่อาจจ่ายสินบนแก่ผู้นำจับได้ ให้ยกคำขอของโจทก์ส่วนนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 เป็นจำคุก 5 ปี ลดโทษให้ 1 ใน 3 ตามมาตรา 78 คงจำคุกไว้ 3 ปี 4 เดือน จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ฎีกาจำเลยข้อที่ 1 ว่าฟ้องโจทก์มิได้บรรยายว่าจำเลยแปรรูปไม้หรือมีไม้แปรรูปไว้ในความครอบครองภายในเขตควบคุมการแปรรูปไม้ตามประกาศของกระทรวงเกษตร ฟ้องโจทก์จึงไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้นศาลฎีกาเห็นว่าความผิดฐานแปรรูปไม้และมีไม้แปรรูปไว้ในความครอบครองในเขตควบคุมการแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาตตามมาตรา 48 แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2518 มาตรา 19 นั้น เขตการควบคุมแปรรูปไม้เป็นข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบความผิดซึ่งโจทก์จะต้องบรรยายมาในฟ้อง แต่ตามคำฟ้องของโจทก์มิได้ระบุว่าที่เกิดเหตุที่จำเลยแปรรูปไม้และมีไม้ไว้ในความครอบครองนั้นอยู่ภายในเขตควบคุมการแปรรูปไม้แต่อย่างใด แม้ตามฟ้องจะกล่าวว่าประกาศกระทรวงเกษตรเรื่องกำหนดเขตควบคุมการแปรรูปไม้ ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 ทางราชการได้คัดสำเนาปิดประกาศไว้ ณ ที่ว่าการอำเภอบ้านนาสาร ที่ทำการกำนันตำบลทุ่งเตา และที่สาธารณสถานในท้องที่ซึ่งเกี่ยวข้องแล้ว โจทก์มิได้ส่งประกาศดังกล่าวมาพร้อมกับฟ้องเพื่อแสดงให้เห็นว่าที่เกิดเหตุอยู่ภายในเขตควบคุมการแปรรูปไม้ คำฟ้องของโจทก์ไม่ได้บรรยายองค์ประกอบความผิดตามบทบัญญัติของกฎหมายที่โจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยคำฟ้องโจทก์เฉพาะข้อหาฐานแปรรูปไม้และมีไม้แปรรูปไว้ในความครอบครองภายในเขตควบคุมการแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต จึงเป็นคำฟ้องที่ไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)ลงโทษจำเลยไม่ได้ เมื่อคดีฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้กระทำผิดในข้อหาดังกล่าว ไม้แปรรูป เครื่องยนต์และเลื่อยวงเดือนของกลางซึ่งเป็นเครื่องมือเครื่องใช้ในการแปรรูปไม้ก็ริบไม่ได้ ฎีกาจำเลยข้อนี้ฟังขึ้น และเมื่อได้วินิจฉัยฎีกาข้อ 1 เป็นคุณแก่จำเลยแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยฎีกาข้อ 2 และข้อ 6 ซึ่งเกี่ยวกับความผิดในข้อหาเดียวกันนี้อีก

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์ เฉพาะข้อหาฐานแปรรูปไม้และมีไม้แปรรูปไว้ในความครอบครองภายในเขตควบคุมการแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาตจำเลยคงมีความผิดฐานมีไม้หวงห้ามซึ่งยังมิได้แปรรูปไว้ในความครอบครองโดยไม่มีรอยตราค่าภาคหลวงหรือรอยตรารัฐบาลขายตามพระราชบัญญัติป่าไม้พ.ศ. 2484 มาตรา 69 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2522 มาตรา 3 จำคุก 3 จำคุก 1 ปี คำให้การรับสารภาพของจำเลยในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลย 8 เดือน ไม้แปรรูป เครื่องยนต์และเลื่อยวงเดือนของกลางไม่ริบ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาอุทธรณ์”

Share