คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1834/2519

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในชั้นสอบสวนตอนแรกจำเลยให้การปฏิเสธตลอดข้อหา ต่อมายื่นคำร้องขอให้การใหม่มีใจความว่า จำเลยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเฮโรอีนของกลาง และเพิ่งทราบในภายหลังว่าของที่บรรทุกมาในรถเป็นเฮโรอีน คำให้การเช่นนี้ ไม่เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอันจะถือว่ามีเหตุบรรเทาโทษ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยร่วมกันมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษชนิดเฮโรอีน ไฮโดรคลอไรด์ โดยไม่ได้รับอนุญาตและฝ่าฝืนต่อกฎหมาย

จำเลยที่ 1 และที่ 3ให้การปฎิเสธ

จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยคนละ 12 ปี จำเลยที่ 2 รับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 6 ปี

จำเลยที่ 1 และที่ 3 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยที่ 1 และที่ 3 ฎีกาว่าไม่ได้ร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 1ให้การในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา ควรลดโทษให้

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อต่อสู้ของจำเลยที่ 1 และที่ 3 ที่อ้างว่าไม่มีส่วนรู้เห็นในเฮโรอีนของกลางไม่มีน้ำหนักจะรับฟังหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 และที่ 3 ร่วมกระทำความผิดตามฟ้อง

ส่วนที่จำเลยที่ 1 ฎีกาขอให้ลดโทษโดยอ้างว่าคำให้การของจำเลยที่ 1ในชั้นสอบสวน เป็นประโยชน์แก่การพิจารณานั้น ได้ความว่า ในชั้นสอบสวนตอนแรกจำเลยที่ 1 ปฎิเสธตลอดข้อหา ต่อมายื่นคำร้องต่อพนักงานสอบสวนขอให้การใหม่ แล้วให้การเพิ่มเติมซึ่งสรุปแล้วมีใจความว่า จำเลยที่ 1 ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเฮโรอีนของกลาง และเพิ่งทราบในภายหลังว่าของที่บรรทุกมาในรถเป็นเฮโรอีน ศาลฎีกาเห็นว่าคำให้การเช่นนี้ไม่เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอันจะถือว่ามีเหตุบรรเทาโทษ จึงไม่มีเหตุที่จะลดโทษให้

พิพากษายืน

Share