คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1831/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่ ศ.ซึ่งเป็นคนร้ายได้ยิงผู้อื่นแล้ววิ่งหนีมาขึ้นนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ของกลางคันที่จำเลยที่ 2 นั่งคร่อมในที่นั่งคนขับและจอดไว้ข้างที่เกิดเหตุศ.กับคนร้ายที่อยู่ในรถยนต์ปิคอัพยิงต่อสู้กับร้อยตำรวจเอก ว.ที่วิ่งไล่ตามเพื่อจับกุม เมื่อ ศ.ถูกยิงล้มลงจำเลยที่ 2 ทิ้งรถจักรยานยนต์ของกลางทันทีวิ่งไปขึ้นรถยนต์ปิคอัพหลบหนีไปนั้น แม้จำเลยที่ 2 มิได้ลงมือกระทำการยิงผู้อื่นด้วย แต่ตามพฤติการณ์ของจำเลยที่ 2 แสดงว่าจำเลยที่ 2 กับพวกคนร้ายที่ถูกตำรวจยิงตายและที่หลบหนีไปได้ร่วมกันวางแผนกระทำการฆ่าผู้อื่นมาแต่ต้นโดยตลอด โดยจำเลยที่ 2 รับหน้าที่คอยพาคนร้ายที่ถูกตำรวจยิงตายหลบหนีไป หลังจากที่กระทำการฆ่าผู้อื่นบรรลุผลสำเร็จแล้ว ถือได้ว่าจำเลยที่ 2 เป็นตัวการร่วมกระทำผิดด้วยกันกับคนร้ายที่ถูกตำรวจยิงตายและที่หลบหนีไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองกับพวกอีกหลายคนได้ร่วมกันมีอาวุธปืนหลายกระบอกไม่มีหมายเลยทะเบียนของเจ้าพนักงานและกระสุนปืนซึ่งใช้กับอาวุธปืนดังกล่าวอีกหลายนัดไว้ในความครอบครองและได้พาอาวุธปืนดังกล่าวไปในเมือง หมู่บ้านและทางสาธารณะโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และจำเลยทั้งสองกับพวกได้ร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงบุคคลอื่น ๒ คน โดยเจตนาฆ่าและไตรตรองไว้ก่อน เป็นเหตุให้บุคคลทั้งสองถึงแก่ความตายและยังร่วมกันต่อสู้ขัดขวางโดยใช้อาวุธปืนยิง พยายามฆ่าร้อยตำรวจเอกวุฒิชัย หอมยก ซึ่งเป็นพนักงานขณะปฏิบัติการตามหน้าที่ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๓๘, ๑๔๐, ๒๘๘, ๒๘๙, ๓๗๑, ๘๐, ๘๓, ๙๑ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๒๖ มาตรา ๔ พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๗, ๘ ทวิ, ๓๒, ๓๒ ทวิ คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ ๔๑ ลงวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๑๙ ข้อ ๔ คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ ๔๔ ลงวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๑๙ ข้อ ๓, ๖, ๗ ริบอาวุธปืน กระสุนปืน และปลอกกระสุนปืนของกลาง กับนับโทษจำเลยที่ ๒ ต่อจากคดีอาญา หมายเลยดำที่ ๑๐๔๓/๒๕๒๖ ของศาลชั้นต้น
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ริบอาวุธปืน ปลอกกระสุนปืนและกระสุนปืนของกลาง ของกลางอื่นคืนเจ้าของ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ ๒ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๘๓ ให้ลงโทษจำคุกไว้ตลอดชีวิต นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ ๒ ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ ๒ ได้อยู่ในที่เกิดเหตุในขณะเกิดเหตุจริงแล้ววินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงแห่งคดีขณะที่นายศักดิ์ซึ่งเป็นคนร้ายได้ยิงผู้อื่นแล้ววิ่งหนีมาขึ้นนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ของกลางคันที่จำเลยที่ ๒ นั่งคร่อมในที่นั่งคนขับ และจอดไว้ข้างที่เกิดเหตุ นายศักดิ์กับคนร้ายที่อยู่ในรถยนต์ปิคอัพยิงต่อสู้กับร้อยตำรวจเอกวุฒิชัยที่วิ่งไล่ตามเพื่อจับกุม เมื่อนายศักดิ์ถูกยิงล้มลงจำเลยที่ ๒ ทิ้งรถจักรยานยนต์ของกลางทันทีวิ่งไปขึ้นรถยนต์ปิคอัพหลบหนีไปนั้น แม้จำเลยที่ ๒ มิได้ลงมือกระทำการยิงผู้อื่นด้วยแต่ตามพฤติการณ์ของจำเลยที่ ๒ แสดงว่าจำเลยที่ ๒ กับพวกคนร้ายที่ถูกตำรวจยิงตายและที่หลบหนีไปได้ร่วมกันวางแผนกระทำการฆ่าผู้อื่นมาแต่ต้นโดยตลอด โดยจำเลยที่ ๒ รับหน้าที่คอยพาคนร้ายที่ถูกตำรวจยิงตายหลบหนีไป หลังจากที่กระทำการฆ่าผู้อื่นบรรลุผลสำเร็จแล้ว จึงเรียกได้ว่าจำเลยที่ ๒ เป็นตัวการร่วมกระทำผิดด้วยกันกับคนร้ายที่ถูกตำรวจยิงตายและที่หลบหนีไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓
พิพากษายืน

Share