แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ไนเรื่องขอไห้เพิกถอนการฉ้อกลการขายฝากและการโอน  จำเลยต่อสู้ว่าเจ้าหนี้ซาบการขายฝากก่อนครบกำหนดไถ่ถอน  โจทมาฟ้องคดีหลังจากครบกำหนดไถ่ถอน  ล่วงเลยเวลามาหลายปีดังนี้  ถือว่าจำเลยยกอายุความขึ้นต่อสู้แล้ว  จำเลยไม่ต้องเจาะจงว่าคดีขาดอายุความ 1 ปีตามมาตรา 240
อายุความซึ่งลูกหนี้ยกขึ้นต่อสู้เจ้าหนี้ได้นั้น  ย่อมยกขึ้นต่อสู้ผู้รับโอนได้ด้วย
ย่อยาว
ได้ความว่าจำเลยเปนหนี้หุ้นส่วนโรงเลื่อย ๑๒๙๕๐ บาท ต่อมา พ.ส.๒๔๗๕ ได้แปลงหนี้เปนหนังสือกู้  ผู้จัการหุ้นส่วนเร่งรัดจำเลยก็ไม่ไช้  จำเลยมีที่ดิน ๓ แปลง  เทื่อ พ.ส.๒๔๗๖ ได้ทำสัญญาขายฝากแก่จำเลยที่ ๒ ซึ่งเปนบุตรเขย  กำหนดไถ่พายไน ๓ ปี พ.ส.๒๔๘๒ จำเลยที่ ๑ ได้ทำหนังสือ+ปลดเงื่อนไขการไถ่ถอนและทำหนังสือขายกัมสิทธิให้แก่จำเลยที่ ๒ แล้วจำเลยที่ ๒ ได้ทำหนังสือโอนขายที่ดินไห้แก่จำเลยที่ ๓  ผู้เปนภรรยา  ฝ่ายโจกได้รับโอนหนี้จากห้างหุ้นส่วนโรงเลื่อน  แล้วได้เร่งรัดหนี้และฟ้องเรียกหนี้ที่รับโอนจากจำเลยที่ ๑ เมื่อ พ.ส.๒๔๘๓  สาลพิพากสาไห้จำเลยที่ ๑ ไช้  แล้วโจกจึงมาฟ้องคดีนี้ขอไห้เพิกถอนการโอนระหว่างจำเลยตามประมวนแพ่ง ฯ มาตรา ๑๑๘,๒๓๗
จำเลยที่ ๓ ไห้การว่า  ได้ทำการโอนกันโดยสุจริต  และจำเลยที่ ๑ ว่า  ห้างหุ้นส่วนได้ซาบนิติกัมขายฝากตั้งแต่แรก  และก่อนโจทรับโอนสิทธิเรียกร้องเปนเวลานาน ขอไห้ยกฟ้อง และจำเลยที่ ๒,๓. ไห้การว่าจำเดิมแต่การขายฝากกันแล้ว  การครอบครองที่ดินตกแก่จำเลยที่ ๒ ตลอดมา  ห้างหุ้นส่วนซาบพรึติการน์มาก่อนการไถ่ถอนผ่านพ้นไป  โจทไม่มีสิทธิขอเพิกถอนการขอยฝากอันสุจริต  และล่วงเวลาไถ่ถอนมาแล้วตั้ง ๕ ปีเสสขอให้ยกฟ้อง  ต่อมาจำเลยยื่นคำร้องว่าคดีโจทขาดอายุความตามมาตรา ๒๔๐ เพราะโจทซาบการขายฝากเกิน ๑ ปี
สาลชั้นต้นไห้เพิกถอนการโอนตามมาตรา ๒๓๗
จำเลยอุธรน์ สาลอุธรน์พิพากสายกฟ้องโดยอ้างว่าคดีขาดอายุความ
โจทดีกา  สาลดีกาฟังว่าการกะทำของจำเลยไม่ไช่ทำโดยสแดงเจตนาลวงแล้ววินิฉัยต่อไปว่าตามคำไห้การจำเลยปรากดชัดว่า  เจ้าหนี้ซาบการขายฝากก่อนครบกำหนดไถ่ถอนและโจทมาฟ้องคดีหลังจากเวลาครบกำหนดไถ่ถอนล่วงเลยเวลามาหลายปี  จะว่าจำเลยไม่ยกอายุความขึ้นต่อสู้อย่างไร  ส่วนข้อความตามคำร้องของจำเลยเพียงเจาะจงกำหนดเวลาแลบทกดหมายลงไป  ซึ่งสาลดีกาเห็นว่า  ข้อความตามคำร้องขึ้นจำเลยไม่จำเปนต้องกล่าวอีก  เพระาเมื่อจำเลยต่อสู้ไว้แล้วว่า  เจ้าหนี้เดิมซาบการขายฝากแล้วหลายปี  โจทจึงมาฟ้องคดี ก็เปนหน้าที่อขงสาลจะต้องวินิฉัยว่า  จะยกเอากดหมายใดมาปรับคดี  และอายุความมีกำหนดเท่าได จึงพิพากสายืนตามสาลอุธรน์

