คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 183/2486

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้กู้เอาข้าวชำระหนี้แทนเงินกู้และดอกเบี้ยไปตามที่ตกลงกับผู้ไห้กู้แล้ว พายหลังผู้ไห้กู้ฟ้องเรียกต้นเงินและดอกเบี้ยและชนะคดีแล้ว ผู้กู้จะฟ้องเรียกข้าวคืนถานลาภมิควนได้ไม่ได้แต่เรียกข้าวและค่าเสียหายได้ไนถานที่ผู้ไห้กู้ทำผิดนิติกัม
ไนคดีแพ่งคู่ความไม่จำเปนต้องอ้างตัวบทกดหมายไนฟ้องหรือไนดีกาเพียงแต่กล่าวถึงข้อเท็จจริงอันเปนปัญหาชัดเจนก็พอแล้ว ส่วนตัวบทกดหมายนั้นเปนหน้าที่ของสาลจะยกขึ้นปรับแก่คติ
คดีที่ดีกาได้เฉพาะข้อกดหมายนั้นถ้าสาลล่างยังมิได้ชี้ขาดข้อเท็จจริงอันเปนข้อสำคันมา สาลดีกาย้อนสำนวนไปไห้วินิจฉัยแล้วพิพากสาไหม่

ย่อยาว

โจทฟ้องว่าโจทกู้เงินจำเลยไป ๓๓๐ บาท ต่อมาจำเลยไห้โจทขายข้าวเชื่อไห้จำเลยเพื่อหักกับต้นเงินและดอกเบี้ย โจทได้ส่งข้าวและหักกลบลบหนี้กันไปเส็ดแล้ว ต่อมาจำเลยกลับฟ้องเรียกหนี้โดยมิได้หักค่าข้าวไห้โจท จึงขอไห้จำเลยคืนหรือไช้ราคาข้าว
สาลชั้นต้นและสาลอุธรน์พิพากษายกฟ้อง
โจทดีกา สาลดีกาวินิจฉัยว่า เรื่องเช่นนี้จะถือว่าเปนลาภมิควนได้นั้นไม่ได้ ไนดีกาโจท โจทมุ่งไนเรื่องลาภมิควนได้เปนไหย่ สาลดีกาเห็นว่าคดีแพ่งไม่เหมือนกับคดีอาญา คู่ความไม่จำเปนต้องยกตัวบทกดหมายขึ้นอ้าง เปนแต่ต้องกล่าวถึงข้อเท็จจริงประกอบปัญหานั้นไห้ชัดเจน ส่วนประมวนวิธีพิจารนาความแพ่งมาตรา ๓๔๙ ที่บัญญัติว่า ข้อกดหมายที่อ้างอิงในดีกาต้องกล่าวโดยชัดแจ้งไนดีกา ก็มิได้บัญญัติไห้อ้างตัวบทกดหมาย ฉนั้นเพียงแต่ยกปัญหากดหมายขึ้นกล่าวอ้างก็พอแล้ว ส่วนตัวบทกดหมายเปนหน้าที่ของสาลยกขึ้นใช้เองเรื่องนี้เปนเรื่องยืมไช้สิ้นเปลือง ซึ่งไนคดีนี้จะต้องชำระคืนเปนเงิน ฉนั้นการที่โจทจำเลยตกลงชำระกันด้วยข้าวแทน ย่อมเปนนิติกัมอีกอันหนึ่ง ฉนั้นการที่จำเลยฟ้องและรับผลไปไนคดีก่อน จึงทำผิดนิติกัม โจทย่อมมีสิทธิเรียกค่าข้าวและค่าเสียหายได้ แต่สาลล่างยังมิได้ชี้ว่าราคาข้าวเท่าไร และคดีนี้จะดีกาได้ฉเพาะข้อกดหมาย ฉนั้นอาสัยอำนาดตามวิธีพิจารนาความแพ่งมาตรา ๓๔๗,๓๔๐(๓) จึงย้อนสำนวนไห้สาลชั้นต้นพิจารนาแล้วพิพากสาไหม่ตามแนวข้อกดหมายคลังกล่าวนั้น

Share