แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
การซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ มีระเบียบวิธีปฏิบัติตาม พ.ร.บ. ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พ.ศ. 2517 ซึ่งเป็นกฎหมายพิเศษที่บัญญัติเพื่อกิจการนี้โดยเฉพาะไว้แล้ว และวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของจำเลยเป็นการเก็งกำไรจากการขึ้นลงของราคาหุ้นมากกว่าประสงค์ให้มีการโอนหุ้นกันจริงจัง จึงไม่จำต้องปฏิบัติตามแบบของการโอนหุ้นตามป.พ.พ. มาตรา 1129 วรรคสอง ดังนั้นการซื้อขายและโอนหุ้นของโจทก์ให้แก่จำเลยจึงไม่เป็นโมฆะ.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ฟ้องว่า จำเลยมอบอำนาจให้โจทก์เป็นตัวแทนในการซื้อขายหุ้นและหลักทรัพย์ต่าง ๆ โจทก์ได้ออกเงินทดรองให้จำเลยแล้วเป็นเงิน 384,281.50 บาท ต่อมาจำเลยขอผ่อนชำระหนี้ดังกล่าวให้แก่โจทก์ โดยทำเป็นหนังสือสัญญากู้ให้แก่โจทก์ 2 ฉบับ จำเลยได้ผ่อนชำระหนี้ให้แก่โจทก์บ้าง แล้วไม่ชำระให้อีกเลย ขอให้บังคับจำเลยใช้เงินแก่โจทก์จำนวน 338,595.98 บาท (ที่ถูกน่าจะเป็น .75) พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ของเงินต้น 209,315 บาท และดอกเบี้ยร้อยละ 12 ต่อปีของเงินต้น 93,222.38 บาท นับแต่วันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่าการออกเงินให้จำเลยกู้เพื่อซื้อหุ้นชนิดระบุชื่อในตลาดหลักทรัพย์จะต้องมีการโอนหุ้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1129 วรรคสอง และจะต้องมีการโอนกรรมสิทธิ์หุ้นที่ซื้อขายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา453 แต่ปรากฏว่าการซื้อขายหุ้นและหลักทรัพย์ดังกล่าวโจทก์กระทำไปผิดแบบ การซื้อขายดังกล่าวจึงตกเป็นโมฆะ และไม่เป็นการซื้อขาย เพราะไม่มีการโอนกรรมสิทธิ์หุ้นโจทก์ไม่เคยออกเงินทดรองเพื่อการซื้อขายหุ้นและหลักทรัพย์แก่จำเลย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 338,595.98 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของต้นเงิน 209,315 บาทและดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 12 ต่อปีของต้นเงิน 93,222.38 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จ กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้เป็นยุติว่า จำเลยได้ทำหนังสือสัญญากู้รวม 2 ฉบับ ตามฟ้องให้โจทก์ยึดถือไว้จริง ทั้งนี้เนื่องจากจำเลยเป็นหนี้โจทก์จากการที่โจทก์ได้ออกเงินทดรองในการซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ให้จำเลยไปก่อนและยังไม่ได้รับชำระ จำเลยจึงทำหนังสือสัญญากู้ให้โจทก์ยึดถือไว้ตามจำนวนหนี้ที่ยังค้างชำระดังกล่าว
พิเคราะห์แล้ว มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาจำเลยข้อแรกว่า การซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ตลอดทั้งการโอนหุ้นที่โจทก์ได้กระทำไปเป็นการขัดต่อกฎหมายหรือไม่นั้น เห็นว่า การซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์มีระเบียบวิธีปฏิบัติตามพระราชบัญญัติตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พ.ศ. 2517 ซึ่งเป็นกฎหมายพิเศษ ที่บัญญัติเพื่อกิจการนี้โดยเฉพาะไว้แล้ว และวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของจำเลยเป็นการเก็งกำไรจากการขึ้นลงของราคาหุ้นมากกว่าประสงค์ให้มีการโอนหุ้นกันจริงจังจึงไม่จำต้องปฏิบัติตามแบบของการโอนหุ้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1129 วรรคสอง ดังนั้น การซื้อขายและโอนหุ้นของโจทก์ให้แก่จำเลยจึงไม่เป็นโมฆะ…”
พิพากษายืน