คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1816/2527

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามสัญญาประกันข้อ 5 มีข้อความว่า หากนายประกันย้าย ที่อยู่โดยมิได้แจ้งให้ศาลทราบ. นายประกันยินยอมให้ถือ ว่าที่อยู่ของนายประกันตามที่ระบุไว้ในสัญญาประกันนั้นเป็น ภูมิลำเนาเฉพาะการตามกฎหมาย ดังนี้ เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏ ว่านายประกันมิได้แจ้งให้ศาลทราบว่าย้ายที่อยู่ การที่ พนักงานเดินหมายปิดหมายนัด ณ ที่อยู่ของนายประกันตามที่ระบุไว้ในสัญญาประกัน ย่อมถือได้ว่าปิดหมายยังภูมิลำเนาของนายประกันแล้ว การปิดหมายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 79มิได้กำหนดให้ตำรวจท้องที่เป็นพยานในการปิดหมาย ดังนั้นเมื่อพนักงานเดินหมายปิดหมายตามคำสั่งศาลโดยไม่มีพยานยืนยัน ว่าได้ทำการปิดหมายที่บ้านนายประกันจริง ก็ถือว่าเป็น การส่งหมายที่ชอบด้วยกฎหมาย ในสัญญาประกันข้อ 2 กำหนดว่า ในระหว่างประกันนี้นายประกันหรือจำเลยจะปฏิบัติตามหมายนัดหรือหมายเรียกของเจ้าพนักงานหรือศาล มิฉะนั้นนายประกันยอมรับผิดชอบใช้เงินให้แก่ศาลจนครบ เมื่อนายประกันไม่ปฏิบัติตามนัดหรือหมายเรียกของศาล คือไม่ส่งตัวจำเลยไปศาลเพื่อฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ตามนัด นายประกันจึงผิดสัญญาประกันแม้ศาลจะไม่ได้ส่งหมายนัดแจ้งวันเวลานัดให้จำเลยหรือทนายจำเลยไปฟังคำพิพากษาก่อนก็ตาม เพราะสัญญาประกันเป็นสัญญาที่นายประกันกระทำไว้ต่อศาล จำเลยหรือทนายจำเลยหาได้เป็นผู้กระทำสัญญาประกันไว้ต่อศาลไม่

ย่อยาว

มูลคดีนี้เนื่องมาจากศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ปล่อยจำเลยชั่วคราวในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ตามคำร้องขอของนางสาวทรัพย์ศิริ อ่วมเจริญ นายประกันโดยตีราคาประกัน 300,000 บาท นายประกันได้ทำสัญญาประกันไว้ต่อศาลชั้นต้นตามสัญญาประกันฉบับลงวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2534 ต่อมาศาลชั้นต้นออกหมายแจ้งวันนัดให้นายประกันไปศาลในวันที่ 19 สิงหาคม 2534 เวลา 13.30 นาฬิกา เพื่อฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์พนักงานเดินหมายนำหมายนัดไปส่งให้นายประกันที่บ้านเลขที่ 1555/21 ถนนริมทางรถไฟ ซอยริมทางรถไฟ แขวงตลาดพลู เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นภูมิลำเนาตามที่แจ้งไว้ในสัญญาประกันแต่ส่งให้ไม่ได้ โดยพนักงานเดินหมายรายงานการเดินหมายว่าไม่พบนายประกัน พบชายอายุ 65 ปีแจ้งว่านายประกันย้ายไปจากบ้านนี้นานแล้วและไม่ยอมรับหมายแทน ถึงวันนัดจำเลยไปนายประกันไม่มาศาล ศาลชั้นต้นสั่งเลื่อนการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไปวันที่21 กันยายน 2534 เวลา 13.30 นาฬิกา และได้ออกหมายนัดแจ้งให้นายประกันส่งตัวจำเลยไปศาลเพื่อฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ตามนัด พนักงานเดินหมายนำหมายนัดไปส่งให้นายประกันไม่ได้อีก โดยเหตุผลเช่นเดียวกันกับครั้งแรกถึงวันนัดจำเลยนายประกันไม่มาศาล ศาลชั้นต้นสั่งเลื่อนการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไปวันที่26 ตุลาคม 2524 เวลา 13.30 นาฬิกา และออกหมายนัดแจ้งให้นายประกันส่งตัวจำเลยไปศาลเพื่อฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ตามนัด โดยกำหนดให้ส่งหมายด้วยวิธีธรรมดาก่อน หากส่งไม่ได้ให้ปิดหมาย พนักงานเดินหมายนำหมายไปส่งวันที่ 25กันยายน 2534 ส่งโดยวิธีธรรมดาไม่ได้โดยเหตุผลเช่นเดียวกับครั้งแรกจึงปิดหมายไว้ที่ประตูบ้าน ครั้นถึงวันนัดนายประกันไม่มาศาลและไม่ส่งตัวจำเลยมาศาลตามนัดศาลชั้นต้นถือว่านายประกันผิดสัญญาประกัน จึงสั่งให้ปรับนายประกันตามสัญญาประกัน

นายประกันยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นว่า ที่ศาลนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์นายประกัน จำเลย และทนายจำเลยไม่ได้รับหมายนัดเพราะนายประกันย้ายจากบ้านเก่าไปอยู่บ้านใหม่แต่ยังไม่ได้ย้ายสำมะโนครัว ที่บ้านเก่าไม่มีผู้ใดทราบที่อยู่ใหม่ของนายประกัน เจ้าหน้าที่ศาลเห็นไม่มีคนอยู่จึงปิดหมาย จำเลยไม่ทราบวันนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ จำเลยไม่ได่หลบหนีไปไหนคงอยู่ที่บ้านของจำเลยตลอดเวลาทนายจำเลย นายประกันไม่ได้รับหมายนัด นายประกันมิได้มีเจตนาขัดคำสั่งศาลแต่ประการใดขอให้งดปรับนายประกัน

ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องของนายประกันแล้วสั่งยกคำร้อง

นายประกันอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ปรับนายประกันเป็นจำนวนเงิน 30,000 บาท

นายประกันฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาตามฎีกาของนายประกัน ซึ่งศาลฎีกาจะยกขึ้นวินิจฉัยเป็นข้อแรกคือการส่งหมายนัดให้นายประกันส่งตัวจำเลยไปศาลเพื่อฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ชอบหรือไม่ นายประกันอ้างว่าไม่ชอบเพราะพนักงานเดินหมายปิดหมายนัดทั้ง ๆ ที่นายประกันไม่ได้อยู่บ้านที่ปิดหมายนั้น และไม่มีพยานยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ส่งหมายได้ทำการปิดหมายบ้านนายประกันจริง ในปัญหาข้อนี้เห็นว่า ตามสัญญาประกันข้อ 5 กำหนดว่า “หากข้าพเจ้าย้ายบ้านที่อยู่โดยมิได้แจ้งให้ศาลทราบ ข้าพเจ้ายินยอมให้ถือว่าที่อยู่ของข้าพเจ้าตามที่ระบุไว้ในสัญญานี้เป็นภูมิลำเนาเฉพาะการตามกฎหมาย” เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า นายประกันมิได้แจ้งให้ศาลทราบว่า ย้ายที่อยู่ ฉะนั้นการที่พนักงานเดินหมายปิดนัดหมาย ณ ที่อยู่ของประกันตามที่ระบุไว้ในสัญญาประกัน ถือได้ว่าได้ปิดหมายยังภูมิลำเนาของนายประกันแล้ว และการปิดหมายยังภูมิลำเนาของนายประกันแล้ว และการปิดหมายนี้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 78 มิได้กำหนดให้ตำรวจท้องที่เป็นพยานในการปิดหมายดังฎีกาของนายประกัน อนึ่งข้อเท็จจริงก็ฟังได้ว่ามีการปิดหมายแล้วดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย ซึ่งศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยดังนั้นการส่งหมายให้นายประกันจึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว ปัญหาข้อต่อไปมีว่าที่ศาลชั้นต้นไม่ได้ส่งหมายนัดแจ้งวันเวลานัดให้จำเลยหรือทนายจำเลยไปฟังคำพิพากษาก่อนจะถือว่า นายประกันผิดสัญญาประกันหรือไม่ ในปัญหาข้อนี้เห็นว่า ในสัญญาประกันข้อ 2 กำหนดว่า “ในระหว่างประกันนี้ ข้าพเจ้าหรือนางวไล ลีลาภักดีวงศ์ จำเลยจะปฏิบัติตามหมายนัดหรือหมายเรียกของเจ้าพนักงานหรือศาล มิฉะนั้นข้าพเจ้ายอมรับผิดชอบใช้เงินเป็นจำนวนสามแสนบาทถ้วนให้แก่ศาลจนครบ” ซึ่งเป็นสัญญาประกันที่นายประกันกระทำไว้ต่อศาลจำเลยหรือทนายจำเลยได้เป็นผู้กระทำสัญญาประกันไว้ต่อศาลไม่ เมื่อนายประกันไม่ปฏิบัติตามนัดหรือหมายเรียกของศาลคือไม่ส่งตัวจำเลยไปศาลเพื่อฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ตามนัด นายประกันจึงผิดสัญญาประกัน ฎีกาของนายประกันนอกจากที่ยกขึ้นวินิจฉัยแล้ว เป็นฎีกาที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

พิพากษายืน

Share