แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยบังอาจมีเฮโรอีนไฮโดรคลอไรด์ ซึ่งเป็นเกลือของเฮโรอีนฯ ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายจำนวน 1 ห่อและ 3 หลอด และจำเลยบังอาจจำหน่าย ขายเฮโรอีนจำนวน 3 หลอด ดังกล่าวให้แก่ผู้อื่นโดยวันเกิดเหตุเจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมด้วยเฮโรอีนไฮโดรคลอไรด์จำนวน 1 ห่อ และ 3 หลอดซึ่งจำเลยจำหน่ายและมีไว้เพื่อจำหน่าย ทั้งในชั้นพิจารณาจำเลยก็ให้การรับสารภาพตามฟ้องเช่นนี้ เห็นได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน คือ มีความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้เพื่อจำหน่ายกระทงหนึ่ง และฐานจำหน่ายเฮโรอีนอีกกระทงหนึ่ง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๑๘ เวลากลางวัน จำเลยบังอาจมีเฮโรอีนไฮโดรคลอไรด์ ซึ่งเป็นเกลือของเฮโรอีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายจำนวน ๑ ห่อและ ๓ หลอด และจำเลยบังอาจจำหน่าย ขายเฮโรอีนจำนวน ๓ หลอดดังกล่าวให้แก่ผู้อื่นไป เจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมด้วยเฮโรอีนไฮโดรคลอไรด์จำนวน ๑ ห่อและ ๓ หลอด ซึ่งจำเลยจำหน่ายและมีไว้เพื่อจำหน่าย ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๔๖๕ มาตรา ๔ ทวิ ,๑๔, ๒๐ ตรี ,๒๐ ทวิ, ๒๙ พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ(ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๐๔ มาตรา ๔,๖,๗,๑๒ และเพิ่มโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๒ เพราะก่อนคดีนี้จำเลยเคยต้องโทษจำคุก ๙ เดือน ฐานทำร้ายร่างกายมาแล้ว ภายในเวลา ๕ ปี นับแต่วันพ้นโทษมากระทำผิดในคดีนี้ขึ้นอีก
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๔๖๕ มาตรา ๒๐ ทวิ พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ(ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๐๔ มาตรา ๖ รวมสองกระทง ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๑ ลงวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๑๔ ข้อ ๒ ฐานมีเฮโรอีนไว้เพื่อจำหน่าย จำคุก ๕ ปี ฐานจำหน่ายเฮโรอีน จำคุก ๕ ปี เพิ่มโทษหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๒ เป็นจำคุก ๑๓ ปี ๔ เดือน จำเลยรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๗๘ คงจำคุก ๖ ปี ๘ เดือน ของกลางริบ
จำเลยอุทธรณ์ว่า ศาลชั้นต้นไม่ควรลงโทษฐานมีเฮโรอีนไว้เพื่อจำหน่าย
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า การที่จำเลยมีเฮโรอีนไว้เพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเฮโรอีนจากจำนวนเฮโรอีนทีจำเลยมีไว้เพื่อจำหน่ายนั้น เป็นความผิดกรรมเดียว พิพากษาแก้ เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๔๖๕ มาตรา ๔ ทวิ,๒๐ ทวิ,๒๙ พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ(ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๐๔ มาตรา ๔,๖,๑๒ ลงโทษจำคุก ๕ ปี เพิ่มโทษ หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๒ หนึ่งในสาม เป็นจำคุก ๖ ปี ๘ เดือน จำเลยรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๗๘ คงจำคุก ๓ ปี ๔ เดือน ของกลางริบ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่จำเลยมีเฮโรอีนไว้เพื่อจำหน่าย และการที่จำเลยจำหน่ายเฮโรอีน เป็นคนละกรรมกัน เพราะการกระทำของจำเลยมีเจตนาต่างกัน คือ มีเจตนามีเฮโรอีนไว้เพื่อจำหน่ายอย่างหนึ่งและมีเจตนาจำหน่ายเฮโรอีนอีกอย่างหนึ่ง แม้ว่ากฎหมายจะบัญญัติความผิดดังกล่าวไว้ในมาตรา ๒๐ ทวิ แห่งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษมาตราเดียวกัน แต่การกระทำความผิดอาจแยกเป็นคนละกรรมได้ ซึ่งแล้วแต่การบรรยายฟ้องของโจทก์ละข้อเท็จจริงแห่งคดีเป็นเรื่อง ๆ ไป สำหรับคดีนี้ การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ต้องลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑
พิพากษาเป็นว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๔๖๕ มาตรา ๔ ทวิ,๒๐ ทวิ พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ(ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๐๔ มาตรา ๔,๖ ให้เรียงกระทงลงความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้เพื่อจำหน่าย และฐานจำหน่ายเฮโรอีน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๑ ลงวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๑๔ ข้อ ๒ ส่วนการกำหนดโทษ เพิ่มโทษ และลดโทษนั้น ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ของกลางริบ