คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1815/2500

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ไม้ที่ทำการแปรรูปเพื่อการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นของต้องริบ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพได้ความว่า จำเลยทั้งสองสมคบกันมีไม้สักแปรรูป 433 ชิ้นปริมาตรเนื้อไม้ 1.87 ลูกบาศก์เมตรไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน และจำเลยทั้งสองสมคบกันจ้างวานใช้ให้ผู้มีชื่อแปรรูปไม้สักที่แปรรูปมาแล้วจากไม้ท่อนเป็นชิ้นรวม 1,044 ชิ้น ปริมาตรเนื้อไม้ 3.91 ล.บ.ม.เพื่อการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต โจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยตาม พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 48, 50, 72 พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 3) มาตรา 16 กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 63, 64, 71

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามบทกฎหมายที่โจทก์ระบุให้ปรับจำเลยทั้งสองฐานมีไม้แปรรูปไว้ในครอบครองและฐานแปรรูปไม้เพื่อการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต รวมค่าปรับคนละ 500 บาท ลดฐานปรานีกึ่งหนึ่งเหลือปรับคนละ 250 บาทริบไม้ 433 ชิ้น ส่วนไม้1,044 ชิ้นและบานหน้าต่าง กรอบหน้าต่างคืนจำเลย

โจทก์อุทธรณ์ขอให้ริบไม้ 1,044 ชิ้นด้วย

ศาลอุทธรณ์ว่า พระราชบัญญัติป่าไม้ 2484 มาตรา 74 บัญญัติว่า “บรรดาไม้หรือของป่าอันได้มาหรือมีไว้เนื่องจากการกระทำผิดตามพระราชบัญญัตินี้ให้ริบเสียสิ้น” การที่จำเลยสมคบกัน จ้าง วาน ใช้ให้ผู้มีชื่อแปรรูปไม้สักที่แปรรูปมาแล้วจากไม้ท่อนเป็นจำนวน 1,044 ชิ้น เนื้อไม้ 3.90 ล.บ.ม. เพื่อการค้าโดยมิได้รับอนุญาตเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ มาตรา 48 ไม้ 1,044 ชิ้น จึงเป็นไม้ที่มีไว้เนื่องจากการกระทำผิด พระราชบัญญัติป่าไม้ต้องริบตาม มาตรา 74 พิพากษาแก้โดยให้ริบไม้ 1,044 ชิ้นจำเลยทั้งสองฎีกา

ศาลฎีกาปรึกษาคดีแล้ว เห็นว่ากรณีไม่เข้าข้อยกเว้นตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 50 ข้อ 3 การกระทำของจำเลยเป็นผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ 2484 มาตรา 48, 73 จำนวนไม้แปรรูปดังกล่าวจึงเป็นไม้ที่จำเลยมีไว้เนื่องจากการกระทำผิดพระราชบัญญัติป่าไม้ เป็นของต้องริบตาม มาตรา 74 พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์

Share