แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ฟ้องว่าจำเลยบังอาจอาศัยโอกาสที่มีเพลิงไหม้ลักกระปุกอัดจารบีโรงสีเล็ก 1 อัน ราคา 80 บาท ของผู้ขนย้ายสิ่งของหนีไป โดยทุจริต. ดังนี้ พอที่จะเข้าใจได้ว่าทรัพย์เป็นของคนใดคนหนึ่งในพวกขนของหนีไฟ แล้วจำเลยบังอาจลักเอาไป. เท่ากับฟ้องระบุตัวเจ้าทรัพย์ไว้พอสมควรที่จำเลยจะต่อสู้คดีได้. ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม.
เมื่อจำเลยรับสารภาพแล้วว่าได้ลักของกลางของผู้ขนของหนีไฟ. ศาลย่อมพิพากษาลงโทษไปได้ตามข้อเท็จจริงที่จำเลยรับสารภาพนั้น. ศาลจะยกเอาข้อสงสัยว่า ที่จำเลยรับอาจไม่ใช่ความจริง.มาเป็นเหตุยกฟ้องหาได้ไม่.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2510 เวลากลางคืนหลังเที่ยง ขณะเกิดเพลิงไหม้ตลาดบริเวณสี่แยกสวนหมาก ผู้อยู่ใกล้บริเวณเพลิงไหม้จำนวนมากต่างพากันขนของหนีไฟ จำเลยบังอาจอาศัยโอกาสที่มีเพลิงไหม้ ลักกระปุกอัดจารบีโรงสีเล็ก 1 อัน ราคา 80 บาทของผู้ขนย้ายสิ่งของหนีไฟโดยทุจริต เหตุเกิดตำบลในเมือง อำเภอเมืองจังหวัดนครราชสีมา ขอให้ลงโทษจำเลย จำเลยให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(2) จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ฟ้องไม่ได้ระบุว่าทรัพย์เป็นของผู้ใดชื่ออะไร เป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์ อนึ่ง ของกลางอาจเป็นทรัพย์ที่เจ้าของสละละทิ้งหรือทำตกหล่นหาย จำเลยหยิบเอาไป อาจเป็นผิดฐานอื่นจึงพิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158(5) ฟ้องต้องมีการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิดข้อเท็จจริงและรายละเอียดเกี่ยวกับบุคคลที่เกี่ยวข้องพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี โดยปกติในคดีลักทรัพย์ ฟ้องย่อมต้องระบุชื่อเจ้าของทรัพย์เพื่อจำเลยจะต่อสู้คดีได้ แต่กฎหมายก็มิได้บังคับเด็ดขาดว่าต้องระบุชื่อเจ้าของทรัพย์เสมอไป เช่นในกรณีที่ไม่อาจทราบตัวเจ้าของทรัพย์แน่นอนได้ คดีนี้ฟ้องกล่าวว่าผู้อยู่ใกล้บริเวณเพลิงไหม้จำนวนมาก ต่างพากันขนของหนีไป จำเลยลักกระปุกอัดจารบีของผู้ขนย้ายสิ่งของหนีไฟ โดยทุจริต ดังนี้พอจะเข้าใจได้ว่า ทรัพย์เป็นของคนใดคนหนึ่งในพวกขนของหนีไฟแล้วจำเลยบังอาจลักเอาไป เท่ากับฟ้องระบุตัวเจ้าของทรัพย์ไว้พอสมควรที่จำเลยจะต่อสู้คดีได้แล้ว ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม ส่วนที่ว่า ของกลางอาจเป็นทรัพย์ที่เจ้าของสละละทิ้ง เพราะเป็นทรัพย์มีราคาเล็กน้อยหรืออาจเป็นทรัพย์ที่เจ้าของทำตกหล่นหายนั้น เมื่อจำเลยรับสารภาพแล้วว่าได้ลักของกลางของผู้ขนของหนีศาลย่อมพิพากษาลงโทษไปได้ตามข้อเท็จจริงที่จำเลยรับสารภาพนั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 176 ศาลจะยกเอาข้อสงสัยว่า ที่จำเลยรับอาจไม่ใช่ความจริง มาเป็นเหตุยกฟ้องหาได้ไม่ พิพากษากลับ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.