คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1806/2535

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

บิดาโจทก์ยกที่พิพาทให้โจทก์ก่อนที่บิดาโจทก์จะสมรสกับจำเลยการที่จำเลยและบิดาโจทก์อยู่ในที่พิพาทต่อมาโดยจำเลยรู้แล้วว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ดังนี้ การครอบครองที่พิพาทของจำเลยจึงเป็นการครอบครองแทนโจทก์ เมื่อไม่ปรากฏว่า จำเลยได้แสดงเจตนาต่อโจทก์ว่า ไม่ประสงค์จะครอบครองที่พิพาทแทนโจทก์ต่อแล้วอันเป็นการเปลี่ยนลักษณะแห่งการครอบครองตาม ป.พ.พ. มาตรา 1381ย่อมถือว่าจำเลยยังครอบครองที่พิพาทแทนโจทก์อยู่เช่นเดิมแม้จำเลยจะครอบครองที่พิพาทติดต่อกันมาเป็นเวลาเกินกว่า 10 ปีแล้วจำเลยก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์ที่พิพาทในฐานะครอบครองปรปักษ์ตาม มาตรา1382.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่2409 และบ้านเลขที่ 21/2 ซึ่งตั้งอยู่บนที่ดินดังกล่าวโดยการยกให้ของนายทองเหลือง ทิมช่วย บิดาโจทก์เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2514จำเลยเป็นภริยาบิดาโจทก์โดยจดทะเบียนสมรสเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์2519 และบิดาโจทก์ให้จำเลยอยู่อาศัยในบ้านเลขที่ 21/2 ของโจทก์ต่อมา พ.ศ. 2523 บิดาโจทก์ตายจำเลยได้รื้อถอนบ้านดังกล่าวบางส่วนขยายเปลี่ยนแปลงรูปทรงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากโจทก์ ทำให้โจทก์เสียหายคิดเป็นเงิน 10,000 บาท ขอให้จำเลยและบริวารออกจากที่ดินโฉนดเลขที่ 2409 และบ้านเลขที่ 21/2 ให้ส่งมอบบ้านในสภาพเรียบร้อยและห้ามจำเลยและบริวารเกี่ยวข้องกับบ้านและที่ดินดังกล่าวให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 10,000 บาท
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า ที่ดินตามฟ้องโจทก์เป็นสินสมรสระหว่างนายทองเหลืองกับจำเลย การที่นายทองเหลืองเอาที่ดินดังกล่าวยกให้โจทก์โดยจำเลยไม่ได้ให้ความยินยอมไม่ชอบด้วยกฎหมายส่วนบ้านเลขที่ 21/2 เป็นสินส่วนตัวของจำเลย มีอาณาเขตแน่นอนและจำเลยได้ครอบครองด้วยความสงบเปิดเผย เจตนาเป็นเจ้าของตลอดมาเป็นเวลา 10 กว่าปีแล้ว ขอให้ยกฟ้องโจทก์และพิพากษาว่าที่ดินบางส่วนของที่ดินโฉนดเลขที่ 2409 เป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลย และห้ามมิให้โจทก์และบริวารเข้าไปเกี่ยวข้องในที่ดินและบ้านดังกล่าว
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า บ้านและที่ดินตามฟ้องโจทก์เป็นสินส่วนตัวของนายทองเหลือง เมื่อนายทองเหลืองยกที่ดินโฉนดเลขที่ 2409ให้โจทก์แล้ว ก็อยู่อาศัยครอบครองแทนโจทก์ จำเลยอยู่ในฐานะภริยานายทองเหลือง โดยไม่ได้ปลูกบ้านดังกล่าวเอง ขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ที่ดินโฉนดเลขที่ 2409 ตำบลคุ้งสำเภาอำเภอมโนรมย์ จังหวัดชัยนาท ตามแผนที่พิพาทเส้นสีเขียว และบ้านเลขที่ 21/2 ซึ่งปลูกอยู่บนที่ดินดังกล่าวเป็นของจำเลย โดยจำเลยได้กรรมสิทธิ์ด้วยการครอบครองปรปักษ์ห้ามโจทก์และบริวารเข้ายุ่งเกี่ยวในที่ดินและบ้านดังกล่าว
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ที่ดินพิพาทตามแผนที่พิพาทเส้นสีเขียวเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาวินิจฉัยในชั้นฎีกามีว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์หรือเป็นของจำเลย ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังเป็นยุติว่าจำเลยเป็นภริยานายทองเหลือง ทิมช่วย จดทะเบียนสมรสกันเมื่อพ.ศ. 2519 โจทก์เป็นบุตรนายทองเหลือง เกิดจากภริยาอีกคนหนึ่งซึ่งตายไปแล้ว ที่พิพาทเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินโฉนดเลขที่ 2409ตำบลคุ้งสำเภา อำเภอมโนรมย์ จังหวัดชัยนาท ปรากฏตามโฉนดเอกสารหมาย จ.1 ที่ดินแปลงนี้นายทองเหลืองได้รับการยกให้จากนางเขียวทิมช่วยมารดา เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2501 ต่อมาวันที่ 19พฤษภาคม 2514 นายทองเหลืองยกที่ดินโฉนดเอกสารหมาย จ.1 ให้แก่โจทก์ทั้งแปลง จำเลยได้ครอบครองที่พิพาทติดต่อกันมาเป็นเวลากว่า10 ปีแล้ว พิเคราะห์แล้ว เห็นว่าเมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่านายทองเหลืองมีที่พิพาทอยู่ก่อนวันจดทะเบียนสมรสกับจำเลยที่พิพาทจึงมิใช่สินสมรสระหว่างนายทองเหลืองกับจำเลย หากแต่เป็นสินส่วนตัวของนายทองเหลือง ทั้งได้ความว่านายทองเหลืองยกที่พิพาทให้โจทก์ก่อนนายทองเหลืองจดทะเบียนสมรสกับจำเลย เช่นนี้โจทก์จึงได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทโดยชอบ การที่จำเลยและนายทองเหลืองอยู่ในที่พิพาทต่อมานับแต่นายทองเหลืองยกที่พิพาทให้โจทก์โดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ เช่นนี้ การครอบครองที่พิพาทของจำเลยจึงเป็นการครอบครองแทนโจทก์ ดังนี้ หากจำเลยประสงค์จะเปลี่ยนการครอบครองจากการครอบครองแทนเป็นการครอบครองปรปักษ์จะต้องบอกกล่าวไปยังโจทก์ก่อนว่าไม่ประสงค์จะครอบครองที่พิพาทแทนโจทก์ต่อไปเสียก่อน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1381 แต่ข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ไม่ได้ความว่า จำเลยได้แสดงเจตนาต่อโจทก์ว่า ไม่ประสงค์จะครอบครองที่พิพาทแทนโจทก์ต่อไปแล้ว ย่อมถือว่าจำเลยยังคงครอบครองที่พิพาทแทนโจทก์อยู่เช่นเดิม ดังนี้ แม้จำเลยจะครอบครองที่พิพาทติดต่อกันมาเป็นเวลาเกินกว่า10 ปีแล้ว จำเลยก็หาได้กรรมสิทธิ์ที่พิพาทในฐานะครอบครองปรปักษ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 ไม่ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์ ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล…”
พิพากษายืน.

Share